THE WILDCAT (1921, Ernst Lubitsch, Germany, A+25)
--จริงๆแล้วมีหลายส่วนที่ทำให้นึกถึงหนังตลกของไทยกลุ่ม
“ทหารเกณฑ์” หรือ “ทหารเรือ” บ๊องๆที่ผลิตกันออกมาเยอะตั้งแต่ทศวรรษ 1980 นะ
เพราะหนังเรื่องนี้นำเสนอชีวิตในค่ายทหารแบบตลกโปกฮา ไร้สาระ เสียสติแบบนั้นเลยน่ะ
ตัวนายพลหัวหน้าค่ายก็บ้องตื้นมากๆ และพระเอกก็เป็นทหารหนุ่มหล่อหน้าใหม่ที่เข้ามาในค่ายทหารแห่งนั้น
แล้วตัวลูกสาวนายพลก็ตกหลุมรักพระเอก และอยากได้พระเอกเป็นผัวอย่างรุนแรงมาก
--แต่สิ่งสำคัญที่อาจจะทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังตลกของไทยกลุ่ม
“ทหารเกณฑ์” ก็คือว่า หนังเรื่องนี้มันไม่มีความรู้สึก “ชาตินิยม” เลยแม้แต่นิดเดียว
และไม่มีการเชิดชูทหารเลยแม้แต่นิดเดียวน่ะ คือมันใช้ setting เป็นค่ายทหาร
และเอาทหารในค่ายมาทำตลกหุยฮาไปเรื่อยๆก็จริง แต่มันไม่มีความรู้สึกเชิดชูทหารเลย
ไม่มีความรักชาติเลย เราก็เลยรู้สึกว่า นี่มันเป็นหนังตลกเกี่ยวกับทหารที่ “ปลอดจากสารพิษเจือปน”
จริงๆ มันไม่มีสารเคมีตกค้างเหลืออยู่ในหนังจริงๆ เราก็เลยฮากับมันไปได้ตลอดทั้งเรื่อง
--ขอยกให้หนังเรื่องนี้ติดอันดับ one of my most favorite “set
decorations” of all time เพราะหนังมันจัดฉากต่างๆในเรื่องได้แบบ Expressionist
อย่างรุนแรงสุดทางมากๆ โดยนักวิจารณ์บอกว่า บางทีการที่มัน Expressionist
แบบสุดทางแบบนี้ เป็นเพราะมันต้องการล้อเลียนหนัง Expressionists
ด้วยกันเอง
--การออกแบบกรอบภาพในหนังเรื่องนี้ก็ไปสุดทางมากๆด้วย
คือมีกรอบภาพประมาณ 10 แบบได้มั้งในหนังเรื่องนี้
ซึ่งแตกต่างจากหนังธรรมดาในยุคปัจจุบันที่ใช้กรอบภาพเพียงแบบเดียว
นั่นก็คือกรอบภาพแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าตลอดทั้งเรื่อง
--อีกปัจจัยนึงที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้มากๆก็คือว่า
ถึงมันจะเป็นหนังตลก และนำเสนอทุกอย่างแบบ “เว่อร์เกินความเป็นจริง”
อย่างเช่นมีตัวละครโจรหนุ่มคนนึงร้องไห้จนน้ำตาไหลออกมาเป็น “คลอง” แต่มันก็นำเสนอ
“ความรัก” และ “ความเจ็บปวดจากความรัก” ได้จี๊ดใจจริงๆด้วยนะ คือมันเป็นหนังตลกน่ะ
แต่พอมันจะนำเสนอความเจ็บปวดจากความรัก
มันกลับทำได้ซึ้งกว่าหนังรักโรแมนติกหลายๆเรื่องซะอีก คือต้องกราบตีน Ernst Lubitsch จริงๆที่ทำได้แบบนี้
คือตลอดทั้งเรื่องเรารู้สึกเหมือนกับว่าเราดูหนังดีๆสักเรื่องนึงของ Jim Carrey อะไรทำนองนี้
แต่พอถึงตอนจบนี่มันเจ็บปวดแบบคลาสสิค ร้าวรานใจเกือบเทียบได้กับหนังอย่าง ALL
THAT HEAVEN ALLOWS (1955, Douglas Sirk) เลย
แต่จริงๆแล้วมันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหนังตลกยุคนั้นก็ได้นะ
เพราะหนังตลกของ Charlie Chaplin หรือ Buster Keaton บางเรื่องในยุคนั้น มันอาจจะไม่ได้ “หัวเราะร่า” อย่างเดียว บางเรื่องมันอาจจะแฝงความเจ็บปวดจริงๆของมนุษย์เอาไว้จนทำให้เรา
“น้ำตาริน” ตามไปด้วย
No comments:
Post a Comment