Saturday, February 06, 2016

THE MONKEY KING 2 (2016, Cheang Pou-Soi, A-)

THE MONKEY KING 2 (2016, Cheang Pou-Soi, A-)

--จริงๆมันมีประเด็นที่ตัวเราเองสนใจอยู่นะ นั่นก็คือความขัดแย้งระหว่างเห้งเจียกับพระถังซัมจั๋ง เพราะเห้งเจียฆ่าปีศาจเพื่อช่วยชีวิตพระถังซัมจั๋ง แต่พระถังซัมจั๋งกลับมองว่าเห้งเจียฆ่าคนบริสุทธิ์ อย่างไรก็ดี เรารู้สึกว่าหนังไม่ได้พัฒนาประเด็นนี้ให้ลึกซึ้งในแบบที่เราต้องการ

--กงลี่สง่ามาก แต่ก็เหมือน Tilda Swinton ในหนังชุด NARNIA น่ะแหละ นั่นก็คือความสง่าของดาราหญิงสองคนนี้ช่วยอะไรหนังไม่ได้มากนัก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า ถึงแม้ตัวละครเจ้าแม่ปีศาจที่กงลี่กับทิลดา สวินตันเล่น ดูเผินๆแล้วน่าจะเป็นตัวละครที่เข้าทางเราก็จริง แต่พอมันไปสู้กับตัวละครที่มันเห็นชัดเจนว่าเป็น “ฝ่ายธรรมะ” ที่มีอิทธิฤทธิ์สูงมากพอสมควร เราก็เลยไม่รู้สึกลุ้นอะไรมันเลย มันเหมือนจักรวาลของหนังเรื่องนี้และหนังชุด NARNIA ถูก “ฝ่ายธรรมะ” ครอบงำโดยสมบูรณ์อยู่แล้วน่ะ เพราะฉะนั้นตัวละครเจ้าแม่ของกงลี่กับทิลดา สวินตันจึงเป็นตัวละครที่สู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ และมันก็เลยกลายเป็นหนังที่น่าเบื่อสำหรับเรา

--จักรวาลที่เราชอบก็คือจักรวาลแบบในหนังชุด X-MEN, QUEEN OF THE DAMNED และรวมไปถึง “กระสือครึ่งคน” น่ะ 555 คืออย่างใน X-MEN นั้น มันมีความสูสีกันของการต่อสู้ มันมีตัวละครประกอบที่อาจจะถูกฆ่าตายได้ เราก็เลยมีอะไรให้ลุ้น ส่วนใน QUEEN OF THE DAMNED นั้น มันมีตัวละครเจ้าแม่ที่เราชอบมากที่สุดในชีวิต และเธอไม่ได้สู้กับ “ฝ่ายธรรมะ” น่ะ เธอสู้กับแวมไพร์ด้วยกัน เราก็เลยรู้สึกถูกดึงดูดเข้าสู่จักรวาลนั้น และไม่รู้สึก “เบื่อหน่าย” เหมือนเวลาดูหนังที่จักรวาลอยู่ภายใต้การครอบงำของ “ฝ่ายธรรมะ” โดยสมบูรณ์

ส่วน “กระสือครึ่งคน” นั้น เราอาจจะเป็นคนเดียวหรือเปล่า ที่รู้สึก enjoy กับการดู “กระสือครึ่งคน” มากกว่า THE MONKEY KING 2 ประมาณ 10 เท่า 555 คือตอนดู “กระสือครึ่งคน” เรารู้สึกว่ามันเป็นจักรวาลของความบ้าๆบอๆเหี้ยๆห่าๆ ต่ำได้โดยไม่ต้องเกรงใจใคร คือ “กระสือครึ่งคน” มันคล้ายๆกับ “จักรวาลที่เราจินตนาการขึ้นมาเองตอนเราอายุ 10 ขวบ” น่ะ ในขณะที่ THE MONKEY KING 2 มันเหมือน “นิทานสอนศีลธรรมที่คนอื่นเล่าให้เราฟัง แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราจินตนาการขึ้นมาเอง” เราก็เลยมีความสุขกับ “กระสือครึ่งคน” มากกว่าเยอะ และเรา enjoy กับสิ่งที่หลายคนอาจจะมองว่าน่าขยะแขยงใน “กระสือครึ่งคน” แต่เราเบื่อหน่ายอย่างรุนแรงกับ “ความพยายามจะทำภาพให้สวย” ใน THE MONKEY KING 2

คือที่เอามาเปรียบเทียบกัน เพราะเรารู้สึกว่าภาพในหนังสองเรื่องนี้มันอาจจะถือได้ว่าอยู่สุดขั้วกันคนละทางนะ คือภาพของกระสือครึ่งคนมันอาจจะดู “ต่ำ” เครื่องแต่งกายผู้ชายอาจจะมีแค่ผ้าเตี่ยว แต่เรากลับมีความสุขกับมันมากๆ ส่วนภาพของ THE MONKEY KING 2 มันดูอลังการมากๆ เครื่องแต่งกายมันงดงามมากๆ แต่ไปๆมาๆทำไมเรากลับรู้สึกต่อต้านความงดงามของมันอย่างรุนแรง เราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน


--อันนี้เป็นรูปของ Him Law ที่รับบทเป็นซัวเจ๋ง ใน THE MONKEY KING 2

No comments: