DRAWING THE SKY – SHIMMER SHRIMPMER (2021, Kittipat Knoknark, music
video, A+30)
ดู music video นี้ได้ที่นี่
https://www.youtube.com/watch?v=D5kQKzlF2xg
1.ดูแล้วร้องห่มร้องไห้ ชอบสุด ๆ ชอบเนื้อเพลงอย่างรุนแรงที่สุด
ชอบตัวเพลง ชอบการบิ๊วอารมณ์ใน MV นี้ ที่ค่อย ๆ บิ๊วอารมณ์ขึ้นเรื่อย
ๆ ได้ดีมาก และเราว่าทั้ง MV กับเนื้อเพลงมันส่งเสริมกันมาก
ๆ คือถ้าหากเราได้ฟังแค่เพลง แต่ไม่ได้ดู MV
หรือถ้าหากเราได้ดู MV นี้โดยไม่ได้ฟังเพลง เราก็คงไม่ร้องห่มร้องไห้มากขนาดนี้
เหมือนพอเพลงนี้กับ MV มันประกอบเข้าด้วยกัน มันก็เลยทรงพลังมากสำหรับเรา
2.กราบการแสดงของ Bambam Kanokon Isaranont บทหนักมาก
คือถ้าหากเราเป็นนักแสดง เราก็คงใฝ่ฝันอยากได้แสดงบทหนัก ๆ อะไรแบบนี้
นึกว่าเป็นการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมตัวแสดงในหนังของ Sion Sono,
Ingmar Bergman หรือ David Cronenberg 55555
3.ชอบการแสดงของ Fah Chantramat Khammona ด้วย คือเหมือนบทของเธอไม่เอื้อให้เธอได้แสดงออกทางอารมณ์อย่างรุนแรงแบบบทของ
Bambam แต่เราก็ชอบแต่ละฉากที่เธอเหมือนมองสบตากับ Bambam
คือในฉากเหล่านั้นเธอต้องแสดงอารมณ์แบบ minimal แต่เธอก็ทำได้ดี
คือ moment ที่ทำเราร้องห่มร้องไห้ใน MV นี้ คือ moment ราว ๆ นาทีที่ 4.40-4.50 นี่แหละ
โดยเฉพาะฉากที่ Fah พยักหน้าให้ Bambam เหมือนเธอเข้าใจความเจ็บปวดหรือเข้าใจความเลวร้ายที่ Bambam กำลังเผชิญอยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉากนี้ถึงทำเราร้องห่มร้องไห้
4.ชอบการใส่ฉากแบบ home video เข้ามา
และการตัดต่อในช่วงท้ายด้วย เหมือนมันเข้ากับอารมณ์เพลงในตอนนั้นได้ดี
5.เนื้อเพลงสุดยอดมาก อ่านเนื้อเพลงแล้วแอบนึกถึงการฉีกรัฐธรรมนูญครั้งแล้วครั้งเล่า
55555
6.ตัวเพลงเราก็ชอบมาก ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกแนวเพลงแบบนี้ว่าแนวอะไร
แต่ฟังแล้วนึกถึงวงดนตรีที่เราชอบสุด ๆ หลาย ๆ วงในทศวรรษ 1990 อย่างเช่น Bang Bang Machine, Cranes, Curve, Lush, Mazzy Star, Miranda
Sex Garden, Pale Saints, Sky Cries Mary
7.ถ้าหากเราต้องฉาย MV นี้คู่กับหนังเรื่องไหน
เราก็คงเลือกฉายควบกับหนังเรื่อง THE KANIAMA SHOW (2018, Baloji,
Belgium/Democratic Republic of Congo, 23min) เพราะหนังสองเรื่องนี้พูดถึง
“การทำลายความสุขของประชาชนผ่านทางการขัดขวางการดูโทรทัศน์” เหมือน ๆ กัน 55555
ในส่วนของ THE KANIAMA SHOW นั้น หนังนำเสนอรายการโทรทัศน์แนววาไรตี้โชว์ในประเทศสมมุติในทวีปแอฟริกา
เราก็ดูรายการวาไรตี้โชว์ในหนังเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันก็ดูเพลินดี แต่ขณะที่ดูเราก็จะแอบสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่า
จุดประสงค์ของหนังเรื่องนี้คืออะไร ทำไมให้เราดูรายการวาไรตี้โชว์ไปเรื่อย ๆ
หนังเรื่องนี้ต้องการบอกอะไรกับผู้ชมเหรอ
จนมาถึงช่วงไม่กี่นาทีสุดท้ายของหนังเรื่อง THE KANIAMA SHOW นี่แหละ
กูก็ตบเข่าฉาดเลย ประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ ในทวีปแอฟริกานี่มันเหมือนกันจริง ๆ
มันด้อยพัฒนาเหมือนกันจริง ๆ เพราะในช่วงท้ายของหนังเรื่องนี้ ก็มีกลุ่มทหารบุกเข้ามาขัดขวางการถ่ายทอดสดรายการวาไรตี้โชว์
เพราะกลุ่มทหารเหล่านี้ทำการปฏิวัติรัฐประหาร
เราเดาว่า THE KANIAMA SHOW คงต้องการเสียดสีการปฏิวัติรัฐประหารโดยกลุ่มทหารจัญไรครั้งแล้วครั้งเล่าในหลายๆ
ประเทศในทวีปแอฟริกานี่แหละ และพอดูแล้วเราก็พบว่า มันเหมือนกับประเทศไทยจริง ๆ
8.พอดู DRAWING THE SKY กับ THE
KANIAMA SHOW เราก็เลยสงสัยว่า มีใครอัดคลิป “การอ่านประกาศต่าง ๆ
ของรสช.” ในปี 1992 ไว้บ้างหรือเปล่า ในช่วงก่อนเกิดพฤษภาทมิฬ
คือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬมันผ่านมานานเกือบ 30 ปีแล้ว
แต่เรายังหลอนกับเหตุการณ์นั้นอยู่เลย คือเหมือนยุคนั้นมันยังไม่มีอินเทอร์เน็ตน่ะ
ประชาชนก็เลยได้แต่ดูโทรทัศน์กัน ไม่สามารถหาความบันเทิงจากอินเทอร์เน็ตได้ แต่พอเราดูโทรทัศน์
เราก็จะเจอประกาศต่าง ๆ จากรสช.มาขัดขวางการดูเป็นระยะ ๆ แล้วก็จะรู้สึกหัวเสียมาก
ๆ แล้วสิ่งที่ประกาศออกมาในช่วงนั้น ก็เป็นการด่าทอประชาชนที่ออกมาประท้วงรัฐบาล
จำได้ว่า เพื่อนคนนึงเคยจินตนาการไว้ตั้งแต่ปี 1992 ว่า
อยากให้มีคนทำหนังสักเรื่องที่มีฉาก “ผู้ประกาศหญิง อ่านประกาศต่าง ๆ
จากคณะปฏิวัติรัฐประหาร” ทางจอโทรทัศน์ แล้วก็มีมือเอื้อมเข้ามาจากด้านข้างของจอ
แล้วจิกหัวอีผู้ประกาศหญิงคนนั้นไปตบอย่างรุนแรง 55555
No comments:
Post a Comment