PETITE MAMAN (2021, Céline Sciamma, France, A+30)
SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
1.ชอบสุด ๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะมันเข้ากับ fantasy
เรามั้ง เพราะเราก็ชอบจินตนาการว่า
เราอยากไปส่องดูชีวิตแม่ของเราตอนที่แม่ของเรายังเป็นเด็กเหมือนกัน
โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะแม่ของเราเกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง
และบางทีก็เล่าเรื่องราวในอดีตให้เราฟัง อย่างเช่น เวลาอ่านหนังสือตอนกลางคืน
ก็ต้อง “พรางไฟ” ในบางครั้ง, การที่ทหารญี่ปุ่นจับทหารสัมพันธมิตรไปขังในค่าย
โดยที่ทหารสัมพันธมิตรเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว ใส่เดินไปเดินมาในค่ายกักกัน สาว ๆ
ชาวบ้านบางคนแอบเอาอาหารไปให้ทหารฝ่ายสัมพันธมิตร แล้วพอสงครามเลิก ทหารบางคนก็เลยพาสาวชาวบ้านที่คอยช่วยเหลือไปอยู่อเมริกาด้วยเลย,
แม่ของเราต้องทอเสื้อผ้าใส่เอง (ซึ่งแตกต่างจากเราที่ทอเสื้อผ้าเองไม่เป็น
และแม้แต่ใช้จักรเย็บผ้าก็ยังใช้ไม่เป็น), แม่ของเราต้องปลูกผักในไร่ตั้งแต่เด็ก
และก็มักจะภาวนาให้มีเมฆมาบังแสงแดด เพราะแดดมันร้อนเหลือเกิน,
แม่ต้องข้ามแม่น้ำมูลที่อุบลราชธานีเป็นประจำ, ตอนที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ มีปลาลอยมา
ชาวบ้านก็เลยจับมาปลาเพื่อจะกิน แต่พอผ่าดูก็เจอพยาธิมากมาย, คนเวียดนามที่อพยพมาอยู่อุบลราชธานีขยันขันแข็งมาก
ขยันกว่าคนไทยอีก ตื่นมารดน้ำในไร่ก่อนคนไทย, น้องสาวของตาแต่งงานกับชายชาวเขมร, etc.
เหมือนพอเราฟังเรื่องราวเหล่านี้
เราก็มักจะจินตนาการไปด้วยว่าเราอยากแอบไปส่องดูชีวิตแม่ของเราตอนที่แม่ยังเป็นเด็กน่ะ
หนังเรื่องนี้ก็เลยเหมือนเข้ากับ fantasy ของเราในแง่นึง
2.ชอบอารมณ์โดยรวม ๆ ของหนังมาก ๆ เหมือนมันค่อนข้างจะเป็นกิจวัตรประจำวันเล็ก
ๆ น้อย ๆ มากกว่าจะเป็นดราม่าใหญ่โต ชอบฉากการทำแพนเค้กอย่างสุด ๆ ,
ชอบการเล่นสนุกในวัยเด็ก ทั้งการแสดงละครกันเอง, การทำซุ้มไม้, การล่องเรือ,
การเล่นเกมเศรษฐี (ถ้าเข้าใจไม่ผิด), การมองดูเงาในห้องนอนแล้วจินตนาการอะไรต่าง ๆ
นานา etc.
เหมือนในแง่นึงหนังเรื่องนี้พาเรา nostalgia กลับไปสู่ความสุขในวัยเด็กที่เราหลงลืมไปแล้ว
เพราะตอนเด็กเราก็ชอบเล่นเกมเศรษฐีมาก ๆ เหมือนกัน และเหมือนตอนเด็ก ๆ
เราชอบทำครองแครงกินเอง แต่ตอนนี้เราลืมวิธีทำไปหมดแล้ว, ตอนเด็ก ๆ
เราก็ชอบมองดูก้อนเมฆ แล้วจินตนาการว่ามันเหมือนกับสิ่งต่าง ๆ นอกจากนี้
ความสุขในวัยเด็กของเราก็ขึ้นอยู่กับอะไรที่เล็ก ๆ น้อย ๆ มาก ๆ
อย่างเช่นการแตะใบไมยราพเพื่อให้มันหุบ หรือการเล่นกับฝักต้นต้อยติ่งที่แตกออกเมื่อโดนน้ำ
ซึ่งพอเราโตขึ้น เราก็หลงลืมการหาความสุขจากการเล่นกับใบไมยราพ, ต้นต้อยติ่ง.
อะไรพวกนี้ไปหมดแล้ว
3.ดูแล้วก็คิดถึงหนังหลาย ๆ เรื่องที่ชอบสุด ๆ เหมือนกัน อย่างเช่น
3.1 ONCE UPON A TOMORROW (2006, Sandrine Vessyet, France)
3.2 LONELYHEART (1985, Nobuhiko Obayashi, France)
3.3 WHEN MARNIE WAS THERE (2014, Hiromasa Yonebayashi, Japan,
animation)
3.4 MIRAI (2018, Mamoru Hosoda, Japan, animation)
4.อาจจะชอบหนังเรื่องนี้มากที่สุดในบรรดาหนังของ Sciamma
นะ เพราะหนังของ Sciamma เรื่องอื่น ๆ
อาจจะไม่ได้โดนเราเป็นการส่วนตัวน่ะ แต่เรื่องนี้มีจุดที่โดนเราเป็นการส่วนตัว
ก็เลยอาจจะทำให้ชอบหนังเรื่องนี้มากที่สุด
No comments:
Post a Comment