Wednesday, July 15, 2015

NATCHA (2015, Abhisit Wongwaitakarn, A+10)

NATCHA (2015, Abhisit Wongwaitakarn, A+10)

--เป็นหนังแนวที่ชอบมากๆ นั่นก็คือหนัง feel bad เกี่ยวกับหญิงสาวที่ซ่อนความรุนแรงไว้ในตัวเอง เราว่าหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องได้น่าสนใจ และคุมโทนอารมณ์หนังได้ดีในระดับนึง

--ฉากที่ชอบที่สุดคือฉากที่เด็กสาว 4 คนคุยกันหน้ากระจก เพราะเราชอบเคมีเวลาตัวละครหญิงแร่ดๆเลวๆหลายๆตัวมาอยู่ด้วยกันหรือมาปะทะกัน เราว่าวิธีการถ่ายทำฉากนี้ก็ออกมาในแนวที่เราชอบด้วย เพราะฉากนี้ไม่ได้โคลสอัพตัวละครแต่ละตัว คือกล้องไมได้ทำหน้าที่เร้าอารมณ์ในฉากนี้น่ะ กล้องปล่อยให้เราสังเกตพฤติกรรมและคำพูดของตัวละครเหล่านี้ในแบบที่ค่อนข้างเย็นชา ซึ่งเราชอบวิธีการแบบนี้

--ที่ว่าหนังเล่าเรื่องได้น่าสนใจ ก็คือว่าหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องย้อนหลัง เพราะฉะนั้นแทนที่มันจะเป็นหนังทริลเลอร์ มันก็เลยกลายเป็นหนัง psychological study แทน

--แต่ถ้าหากเทียบกับหนังแนวเด็กสาวโรคจิตด้วยกันเองแล้ว เราอาจจะชอบหนังเรื่องนี้น้อยกว่าหนังเรื่องอื่นๆ สาเหตุนึงอาจจะเป็นเพราะว่า เรารู้สึกขำกับตอนจบของหนังเรื่องนี้น่ะ คือในระหว่างที่ดูเราจะเอาใจช่วยนางเอกในระดับนึง คือเหมือนกับเราคาดหวังว่า พอถึงตอนจบ เราจะได้พบว่านางเอก มีเหตุผลที่ดีพอในการลุกขึ้นมาทำเช่นนั้น แต่พอตอนจบมันกลับกลายเป็นว่า นางเอกแค่ถูกด่าว่าอีอ้วน แล้วเธอก็ร้องกรี๊ด แล้วคำด่าแค่นั้นก็เป็นสาเหตุให้เกิดอะไรต่างๆตามมา เราก็เลยผิดหวังกับตัวละครนางเอกมากพอสมควร แล้วก็รู้สึกขำด้วย ที่คำด่าแค่นั้นทำให้ตัวละครตัวนี้ตัดสินใจทำอะไรแบบนั้นขึ้นมาได้

--อีกสาเหตุนึงที่ทำให้เราไม่ได้ชอบหนังเรื่องนี้แบบสุดๆ ก็คือเรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันมี พลังภายนอกแต่มันไม่มี พลังภายในน่ะ มันเหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้มันกระทบใจเราได้แค่ในระดับนึงเท่านั้น หรือแค่เปลือกๆของใจเราเท่านั้น แต่ไม่ได้แทงลึกเข้าไปในใจเราอย่างรุนแรงเหมือนหนังเด็กสาวโรคจิตเรื่องอื่นๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงกระทบเราได้แค่ ภายนอกเท่านั้น คือจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้กำกับ หรืออินเนอร์ในใจผู้กำกับด้วยนะ แต่มันอาจจะขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวของเราเองด้วย

สิ่งต่างๆที่จะเขียนถึงต่อไปนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับ NATCHA โดยตรงนะ แต่เกี่ยวกับรสนิยมส่วนตัวของเราเอง

คือการที่ NATCHA เล่าเรื่องถอยหลัง ทำให้เรานึกถึงหนังเรื่อง MEMENTO (2000, Christopher Nolan) และ IRREVERSIBLE (2002, Gaspar Noé) น่ะ ซึ่งจริงๆแล้วเราก็ชอบหนังสองเรื่องนี้มากพอสมควร แต่ถ้าหากพูดถึงหนังของ Nolan และ Gaspar Noé โดยรวมๆแล้ว เราก็รู้สึกว่าหนังสองคนนี้กระทบเราแค่ ภายนอกแต่ไม่ได้สั่นสะเทือนเราถึง ข้างในเหมือนๆกัน คือมันอาจจะเป็นรสนิยมส่วนตัวของเราเองแหละ ที่ไม่ได้รู้สึกรุนแรงเป็นการส่วนตัวกับหนังของ Christopher Nolan, Gaspar Noé และรวมไปถึง NATCHA ด้วย อีกเรื่องที่เราว่าเข้าข่ายนี้เหมือนกันคือ THE WORLD OF KANAKO (2014, Tetsuya Nakashima)

แต่ถ้าหากถามว่าแล้วหนัง feel bad เกี่ยวกับหญิงสาวที่ซ่อนความรุนแรงไว้ในตัวเรื่องไหนล่ะ ที่มันสั่นสะเทือนจิตวิญญาณเราได้แบบถอนรากถอนโคนจริงๆ เราก็ขอแนะนำให้ดูหนัง 3 เรื่องนี้จ้ะ ซึ่งก็คือ

1.LA CEREMONIE (1995, Claude Chabrol)
2. BREMEN FREEDOM (1972, Rainer Werner Fassbinder)
3. LOVELY RITA (2001, Jessica Hausner)


พอพูดถึงหนัง feel bad ที่มันมี พลังภายนอกกับ พลังภายในแล้ว เราก็นึกถึงกรณีนี้ด้วย นั่นก็คือการสร้างหนังจากบทประพันธ์เดียวกันของ Leo Tolstoy นั่นก็คือหนังเรื่อง L’ARGENT (1983, Robert Bresson) กับ FROZEN LAND (2004, Aku Louhimies, Finland) คือหนังสองเรื่องนี้มันสร้างจากบทประพันธ์ของตอลสตอยเรื่องเดียวกันน่ะ แต่เรากลับรู้สึกว่า FROZEN LAND มันเป็นหนังที่ดีมากๆเรื่องนึง แต่มันมีแค่ พลังภายนอกเท่านั้น และมันอาจจะติดเพียงแค่ 100 อันดับหนังที่เราชอบที่สุดที่ได้ดูในปี 2005 แต่หนังเรื่อง L’ARGENT นี่แหละ ที่มันสั่นสะเทือนจิตวิญญาณเราอย่างถอนรากถอนโคนจริงๆ มันมี พลังภายในจริงๆสำหรับเรา และมันติด 100 อันดับหนังที่เราชอบที่สุดตลอดกาล ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้ FROZEN LAND กับ L’ARGENT ถึงได้มีพลังที่แตกต่างจากกันอย่างรุนแรงขนาดนั้น ทั้งๆที่มันเล่าเรื่องเรื่องเดียวกัน เรื่องนี้อาจจะต้องให้นักวิจารณ์คนอื่นๆมาช่วยกันวิเคราะห์ให้คำตอบ แต่สำหรับเราแล้ว เรามองว่า NATCHA ก็เป็นหนังที่น่าพอใจมากๆเรื่องนึงเหมือนกับ FROZEN LAND นั่นแหละ เพียงแต่ว่ามันไม่ได้ทำให้เรารู้สึก กินไม่ได้นอนไม่หลับหรือรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณในตัวเองถูกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเหมือนกับเวลาที่ดู L’ARGENT หรือหนังเรื่องอื่นๆของ Robert Bresson จ้ะ

No comments: