THE JOURNEY OF FUNERAL CASTLE (Sudapa Kaoropthai, documentary A+30)
รู้สึกว่าสายตาของหนังเรื่องนี้ดู objective ดี
คล้ายๆกับสายตาในหนังเรื่อง OUR DAILY BREAD (2005, Nikolaus Geyrhalter) กับ IN COMPARISON (2009, Harun Farocki) นอกจากนี้
เรายังชอบที่หนังสารคดีเรื่องนี้เหมือนจะมี “ฉากไคลแมกซ์” ด้วย
นั่นก็คือฉากที่เทวดากระดาษเหาะลงมาจากสวรรค์
ส่วน พบรัก PARK LOVE (ธนนท์ เลาหสุวรรณรัตน์, A+30) นี่ติดอันดับ guilty pleasure ประจำปีของเราแน่นอน
และเหมาะจะฉายควบกับ “ออกกำลังรัก” (กมลรัตน์ ภักดีบาง, A) และ
AB-STATION (Patiparn Surapinyo, B+ ) มากๆเพราะหนังสามเรื่องนี้เป็นหนังเกี่ยวกับความเงี่ยนของนักวิ่งจ๊อกกิ้งเหมือนๆกัน
แต่เราชอบ “พบรัก PARK LOVE” มากที่สุด เพราะมันสะท้อนความเงี่ยนในใจเราได้ดีที่สุด
ในขณะที่เราจะรำคาญตัวละครนางเอกใน “ออกกำลังรัก” และเราจะเกลียดตอนจบของ AB-STATION
แต่จริงๆแล้ว เราก็ไม่ได้ชอบพาร์ทหลังของ “พบรัก PARK LOVE” มากนักนะ
ในส่วนที่มันเป็นหนังผีน่ะ เพราะเราเดาได้ตั้งแต่แรกๆอยู่แล้วว่ามันจะเฉลยยังไง
แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อมัน มันก็เลยไม่ได้ลดทอนความชอบของเราที่มีต่อหนังเรื่องนี้ลงมากนัก
พฤษภาไม่นานก็คลี่คลาย (วัศยา บุญนัดดา, A+30) ชอบตัวละครเกี๊ยวที่เป็นพนักงานร้านดีวีดีมากๆ
(ถ้าหากเราจำชื่อไม่ผิด) คือเธอที่เป็นคนเปิดเผยและแฟร์ๆดี
และเป็นคนที่พูดอะไรตรงไปตรงมา ไม่ทำอมพะนำ เก็บกดแบบนางเอก
แล้วอีคนเก็บกดแบบนางเอกนี่แหละที่มักจะไปหงุดหงิดงุ่นง่านใส่คนอื่นๆทั้งๆที่คนอื่นๆไม่ได้ทำผิดอะไรด้วย
เราชอบมากที่ตัวละครเกี๊ยวคุยกับนางเอกตรงๆเรื่องการรักผู้ชายคนเดียวกัน
และชอบที่เธอสารภาพรักกับผู้ชายที่เธอชอบ
และเราก็ชอบที่หนังนำเสนอตัวละครแบบนางเอกด้วย คือคนเรามันมักจะเป็นอย่างนี้จริงๆน่ะแหละ
คือเวลาที่เราไม่สามารถพูดอะไรในใจออกไปได้
มันจะเกิดความชิบหายบางอย่างขึ้นในใจเรา และบางทีถ้าหากเราจัดการกับความรู้สึกเก็บกดในใจเราได้ไม่ดีพอ
มันก็จะเกิดความชิบหายทั้งต่อตัวเราและคนใกล้ตัวเรา
ในขณะที่ปีนี้มีหนังที่ได้รับอิทธิพลจาก MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY
(2013, Nawapol Thamrongrattanarit), หนังที่ได้รับอิทธิพลจากหนังของ
Ratchapoom Boonbunchachoke และหนังที่ได้รับอิทธิพลจาก ENEMY
(2013, Denis Villeneuve) ฉายไปแล้ว
เราก็ดีใจสุดๆที่ปีนี้มีหนังสั้นไทยที่น่าจะได้รับอิทธิพลจากหนังที่เราชอบเป็นอันดับ
8 ของปีที่แล้วด้วย ซึ่งก็คือเรื่อง KRISTY (2014, Oliver Blackburn) และหนังสั้นเรื่องนั้นก็คือเรื่อง FALL TOGETHER (Nontarit Maniam,
A+10) ที่มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับนักเรียนหญิงมัธยมที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนจากกลุ่มฆาตกรโรคจิตในโรงเรียน
แต่น่าเสียดายที่ FALL TOGETHER ไม่ทรงพลังเท่ากับหนังอีกเรื่องหนึ่งของนนทฤทธิ์
ซึ่งก็คือเรื่อง ONCE UPON A TIME...IN THE NIGHT (A+30) เพราะเนื้อหาของ
FALL TOGETHER ในส่วนที่เป็นฆาตกรโรคจิต
มันเป็นส่วนที่เห็นได้ชัดว่า “ไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง” น่ะ เพราะฉะนั้นมันก็เลยไม่เกิดความลุ้นระทึกใดๆทั้งสิ้น
ในขณะที่พลังของ ONCE UPON A TIME...IN THE NIGHT มันเกิดจากการที่หนังมันเหมือนสารคดีมากๆ
เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุประหลาดขึ้นในหนัง เราก็เลยรู้สึกว่ามันดูสมจริงมากๆ
ทรงพลังมากๆ น่าตื่นเต้นมากๆ
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ FALL TOGETHER อาจจะไม่ทรงพลังเท่าใดนัก
แต่เราก็ชอบนางเอกของเรื่องที่เล่นแบบทุ่มกายถวายชีวิตมากๆ
และชอบการตัดต่อช่วงต้นเรื่องที่มันรุนแรงมากๆ และชอบรสนิยมของผู้กำกับด้วย
ที่เลือกเอาหนังเรื่อง KRISTY มาดัดแปลง (ถ้าเข้าใจไม่ผิด)
มาอ่านหนังสือกันเถอะ (Watcharapol Saisongkroh, documentary, A+25) ที่เราไม่ให้ A+30 เพราะเราว่ามันยังขาดผู้ให้สัมภาษณ์อีกสักคนที่มีความรู้แน่นๆ
หรือเป็นนักวิชาการอะไรทำนองนี้น่ะ คือผู้ให้สัมภาษณ์ 4
คนนี้ก็ทำหน้าที่ดีอยู่แล้วแหละ แต่เนื้อหาของหนังมันเหมือนยังไม่สมบูรณ์เต็มที่
WELCOME FOREVER มิตรต่างภพ (สราวุธ ราชจันทร์, A+30)
คือหนึ่งในหนังที่ทำให้เราหัวเราะจนหยุดไม่ได้ในเทศกาลมาราธอนปีนี้
โดยเฉพาะในช่วงท้ายของหนัง ที่กล้องแพนไปที่หน้าตึกตึกนึงและเราก็เห็น....
แล้วผู้ชมเกือบทุกคนในห้องฉายมาราธอนก็ร้องกรี๊ดสุดเสียงออกมา มันเป็น moment
ที่หนักที่สุด moment นึงในประสบการณ์การดูหนังของเรา
No comments:
Post a Comment