Sunday, July 26, 2015

THE MONTH OF MAY WON'T LAST FOREVER (2015, Wassaya Boonnudda, A+30)

THE JOURNEY OF FUNERAL CASTLE (Sudapa Kaoropthai, documentary A+30) รู้สึกว่าสายตาของหนังเรื่องนี้ดู objective ดี คล้ายๆกับสายตาในหนังเรื่อง OUR DAILY BREAD (2005, Nikolaus Geyrhalter) กับ IN COMPARISON (2009, Harun Farocki) นอกจากนี้ เรายังชอบที่หนังสารคดีเรื่องนี้เหมือนจะมี “ฉากไคลแมกซ์” ด้วย นั่นก็คือฉากที่เทวดากระดาษเหาะลงมาจากสวรรค์

ส่วน พบรัก PARK LOVE (ธนนท์ เลาหสุวรรณรัตน์, A+30) นี่ติดอันดับ guilty pleasure ประจำปีของเราแน่นอน และเหมาะจะฉายควบกับ “ออกกำลังรัก” (กมลรัตน์ ภักดีบาง, A) และ AB-STATION (Patiparn Surapinyo, B+ ) มากๆเพราะหนังสามเรื่องนี้เป็นหนังเกี่ยวกับความเงี่ยนของนักวิ่งจ๊อกกิ้งเหมือนๆกัน แต่เราชอบ “พบรัก PARK LOVE” มากที่สุด เพราะมันสะท้อนความเงี่ยนในใจเราได้ดีที่สุด ในขณะที่เราจะรำคาญตัวละครนางเอกใน “ออกกำลังรัก” และเราจะเกลียดตอนจบของ AB-STATION

แต่จริงๆแล้ว เราก็ไม่ได้ชอบพาร์ทหลังของ “พบรัก PARK LOVE” มากนักนะ ในส่วนที่มันเป็นหนังผีน่ะ เพราะเราเดาได้ตั้งแต่แรกๆอยู่แล้วว่ามันจะเฉลยยังไง แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อมัน มันก็เลยไม่ได้ลดทอนความชอบของเราที่มีต่อหนังเรื่องนี้ลงมากนัก


พฤษภาไม่นานก็คลี่คลาย (วัศยา บุญนัดดา, A+30) ชอบตัวละครเกี๊ยวที่เป็นพนักงานร้านดีวีดีมากๆ (ถ้าหากเราจำชื่อไม่ผิด) คือเธอที่เป็นคนเปิดเผยและแฟร์ๆดี และเป็นคนที่พูดอะไรตรงไปตรงมา ไม่ทำอมพะนำ เก็บกดแบบนางเอก แล้วอีคนเก็บกดแบบนางเอกนี่แหละที่มักจะไปหงุดหงิดงุ่นง่านใส่คนอื่นๆทั้งๆที่คนอื่นๆไม่ได้ทำผิดอะไรด้วย เราชอบมากที่ตัวละครเกี๊ยวคุยกับนางเอกตรงๆเรื่องการรักผู้ชายคนเดียวกัน และชอบที่เธอสารภาพรักกับผู้ชายที่เธอชอบ และเราก็ชอบที่หนังนำเสนอตัวละครแบบนางเอกด้วย คือคนเรามันมักจะเป็นอย่างนี้จริงๆน่ะแหละ คือเวลาที่เราไม่สามารถพูดอะไรในใจออกไปได้ มันจะเกิดความชิบหายบางอย่างขึ้นในใจเรา และบางทีถ้าหากเราจัดการกับความรู้สึกเก็บกดในใจเราได้ไม่ดีพอ มันก็จะเกิดความชิบหายทั้งต่อตัวเราและคนใกล้ตัวเรา

ในขณะที่ปีนี้มีหนังที่ได้รับอิทธิพลจาก MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY (2013, Nawapol Thamrongrattanarit), หนังที่ได้รับอิทธิพลจากหนังของ Ratchapoom Boonbunchachoke และหนังที่ได้รับอิทธิพลจาก ENEMY (2013, Denis Villeneuve) ฉายไปแล้ว เราก็ดีใจสุดๆที่ปีนี้มีหนังสั้นไทยที่น่าจะได้รับอิทธิพลจากหนังที่เราชอบเป็นอันดับ 8 ของปีที่แล้วด้วย ซึ่งก็คือเรื่อง KRISTY (2014, Oliver Blackburn) และหนังสั้นเรื่องนั้นก็คือเรื่อง FALL TOGETHER (Nontarit Maniam, A+10) ที่มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับนักเรียนหญิงมัธยมที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนจากกลุ่มฆาตกรโรคจิตในโรงเรียน แต่น่าเสียดายที่ FALL TOGETHER ไม่ทรงพลังเท่ากับหนังอีกเรื่องหนึ่งของนนทฤทธิ์ ซึ่งก็คือเรื่อง ONCE UPON A TIME...IN THE NIGHT (A+30) เพราะเนื้อหาของ FALL TOGETHER ในส่วนที่เป็นฆาตกรโรคจิต มันเป็นส่วนที่เห็นได้ชัดว่า “ไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง” น่ะ เพราะฉะนั้นมันก็เลยไม่เกิดความลุ้นระทึกใดๆทั้งสิ้น ในขณะที่พลังของ ONCE UPON A TIME...IN THE NIGHT มันเกิดจากการที่หนังมันเหมือนสารคดีมากๆ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุประหลาดขึ้นในหนัง เราก็เลยรู้สึกว่ามันดูสมจริงมากๆ ทรงพลังมากๆ น่าตื่นเต้นมากๆ

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ FALL TOGETHER อาจจะไม่ทรงพลังเท่าใดนัก แต่เราก็ชอบนางเอกของเรื่องที่เล่นแบบทุ่มกายถวายชีวิตมากๆ และชอบการตัดต่อช่วงต้นเรื่องที่มันรุนแรงมากๆ และชอบรสนิยมของผู้กำกับด้วย ที่เลือกเอาหนังเรื่อง KRISTY มาดัดแปลง (ถ้าเข้าใจไม่ผิด)


มาอ่านหนังสือกันเถอะ (Watcharapol Saisongkroh, documentary, A+25) ที่เราไม่ให้ A+30 เพราะเราว่ามันยังขาดผู้ให้สัมภาษณ์อีกสักคนที่มีความรู้แน่นๆ หรือเป็นนักวิชาการอะไรทำนองนี้น่ะ คือผู้ให้สัมภาษณ์ 4 คนนี้ก็ทำหน้าที่ดีอยู่แล้วแหละ แต่เนื้อหาของหนังมันเหมือนยังไม่สมบูรณ์เต็มที่

WELCOME FOREVER มิตรต่างภพ (สราวุธ ราชจันทร์, A+30) คือหนึ่งในหนังที่ทำให้เราหัวเราะจนหยุดไม่ได้ในเทศกาลมาราธอนปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงท้ายของหนัง ที่กล้องแพนไปที่หน้าตึกตึกนึงและเราก็เห็น.... แล้วผู้ชมเกือบทุกคนในห้องฉายมาราธอนก็ร้องกรี๊ดสุดเสียงออกมา มันเป็น moment ที่หนักที่สุด moment นึงในประสบการณ์การดูหนังของเรา


No comments: