SMILE AGAIN (Bua Kamdee, A+30) นี่สุดๆมากๆ
ชอบบทของหนังเรื่องนี้มากๆ ชอบมากๆที่ตอนต้นเรื่อง
หนังเรื่องนี้ทำตัวเหมือนเป็นหนังรักโง่ๆเรื่องนึง แต่พอไปถึงช่วงกลางเรื่อง
หนังเรื่องนี้ก็ทำให้เรานึกว่ามันเป็นหนังไซไฟ หรือไม่ก็เป็นหนังโลกพิศวงแบบ GROUNDHOG
DAY (1993, Harold Ramis) หรือ THE ROOM (2011, Pesang
Sangsuwan) และในเวลาต่อมามันก็กลายเป็นหนังที่สะท้อนความเป็นหนังดิจิตอลหรืออะไรทำนองนี้
ดูแล้วจะนึกถึงลักษณะบางอย่างที่พบในนิยาย nouveau roman ของฝรั่งเศสแบบในนิยายของ
Alain Robbe-Grillet ที่มันจะ self-reflexive มากๆ อย่างเช่นในนิยายของ Robbe-Grillet มันจะมีฉากนึงที่เขียนว่า
“หญิงสาวคนนั้นถูกทรมานในคุกแบบสยิวทรวง” แล้วอยู่ดีๆก็จะมีเสียงประกาศในคุกว่า “จงลบประโยคนั้นออก
แล้วก็ลบจุด full stop ของประโยคก่อนหน้านี้ด้วย”
คือเวลาอ่านนิยาย nouveau roman ประเภทนี้
มันจะงงมากๆว่าเนื้อเรื่องแต่ละประโยคมันอยู่ในมิติไหน มันอยู่ในระนาบไหนกันแน่
คือเหมือน “เนื้อเรื่อง” กับ “การเขียนเนื้อเรื่อง” มันจะผสมปนเปกันไปหมด
จนเราไม่รู้ว่าตัวละครมันอยู่ในมิติของ “เนื้อเรื่อง” หรือ “การเขียนเนื้อเรื่อง”
กันแน่ และลักษณะแบบนี้เราจะพบได้ในหนังอย่าง SMILE AGAIN เช่นกัน
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment