MS. NARCISSUS (Chanachai Saengchan, A+30)

พอดูหนังที่กำกับโดยณเดชน์แล้วต่อด้วยเรื่อง MS. NARCISSUS (ชนะชัย แสงจันทร์, A+30) เราก็เลยจินตนาการว่า ถ้าหากณเดชน์มาเล่นใน MS. NARCISSUS หนังเรื่องนั้นก็คงจะติด top ten ประจำปีของเราอย่างแน่นอน คือหนังที่เราชอบมันไม่จำเป็นจะต้องพูดถึง big theme หรือหาโลเกชั่น exotic อะไรเลย เราชอบหนังที่พูดถึงเรื่องใกล้ตัวในชีวิตประจำวันและแทบไม่ต้องจัดฉากอะไรเลยแบบ MS. NARCISSUS มากกว่า และเรามั่นใจว่า MS. NARCISSUS น่าจะเป็นหนังที่ลงทุนต่ำกว่าหนังของณเดชน์มากๆ แต่มันเต็มไปด้วยการสังเกตสังกามนุษย์เป็นอย่างดี คือหนังทั้งเรื่องมีแต่นางเอกมานั่งพูดหน้ากล้อง social cam ตลอด 14 นาทีเต็ม แต่การแสดงในหนังเรื่องนี้ดีสุดๆ และบทของหนังเรื่องนี้ก็เข้าทางเราอย่างสุดๆ เราว่าบทของหนังเรื่องนี้มันเกิดจากการสังเกตสังกาอากัปกิริยาของมนุษย์ใน socialcam มาเป็นอย่างดี และเกิดจากการสังเกตพฤติกรรมมนุษย์ในโลกออนไลน์มาเป็นอย่างดี มันถึงเกิดเป็นหนังอย่างนี้ขึ้นมาได้ ทั้งการเลือกใช้คำพูดแต่ละคำ, น้ำเสียงในการพูด, intonation pattern, การทำสีหน้าสีตา, การแต่งหน้า, สไตล์การแต่งตัวที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ  และอากัปกิริยาในแต่ละฉาก เราว่ามันเป๊ะมากๆในหนังเรื่องนี้

เราว่าจริงๆแล้วณเดชน์ก็เล่นหนังอย่าง MS. NARCISSUS ได้นะ คือถ้าหากณเดชน์ถอดเสื้อ แล้วมานั่งพูดหน้ากล้องตลอด 14 นาทีเต็มแบบในหนังเรื่องนั้น โดยไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่านั้นเลย หนังเรื่องนั้นก็คงติด top ten ประจำปีของเราไปแล้ว

ความแตกต่างระหว่าง MR. PETER’S PROJECT กับ MS. NARCISSUS คือความแตกต่างระหว่างหนังที่ใช้ “เงิน” สร้าง กับหนังที่ใช้ “สมอง” สร้าง