RELIGIOUS ตุ๊เจ้า (2015, Siroros Damjun,
documentary, A+10)
--ชอบบางประเด็นที่ถามพระในหนังเรื่องนี้
โดยเฉพาะเรื่องความเห็นที่มีต่อพระเกย์ และ “การที่พระแตะเนื้อต้องตัวผู้ชายถือว่าอาบัติหรือไม่
ถ้าหากพระคนนั้นเป็นเกย์” เราว่ามันเป็นคำถามที่น่าสนใจมากๆ
--ชอบที่ถามพระว่าทำไมถึงไม่คิดจะสึกด้วย
ทั้งๆที่พระยังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น
เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจดีว่าในยุคสมัยนี้มีคนวัยหนุ่มคนไหนบ้างที่คิดจะบวชนานๆโดยไม่มีกำหนดสึก
และเขาทำเช่นนั้นเพราะอะไร
--ชอบ moment ที่กล้องไม่ตัดภาพทั้งๆที่มีอะไรอย่างอื่นมาขัดจังหวะการสนทนา
เราว่ามันทำให้เห็นสภาพแวดล้อมของพระรูปนี้ได้ดีน่ะ
คือเราว่าหนังสารคดีบางเรื่องที่ฉายในเทศกาลนี้มีปัญหานิดนึงตรงที่มันเน้นการสัมภาษณ์เพียงอย่างเดียว
แต่ไม่ทำให้เราเห็น “ชีวิต” ของตัว subject ขณะที่เขาไม่ได้มานั่งให้สัมภาษณ์ด้วย
คือเวลาที่ subject มานั่งให้สัมภาษณ์เรา
เราอาจจะได้รับรู้ข้อมูลจากตัวเขาก็จริง แต่มันขาดแง่มุมอื่นๆในตัวชีวิตเขาไปน่ะ
และเราจะไม่ได้เห็นชีวิตประจำวันจริงๆของเขา
ซึ่งเป็นชีวิตที่ไม่ได้มานั่งให้สัมภาษณ์เรา แต่เป็นชีวิตที่ต้องทำงาน,
นั่งอ่านอะไรในคอมพิวเตอร์, ทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ
--แต่จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้ก็ขาดอะไรข้างต้นอยู่พอสมควรนะ
เราก็เลยชอบหนังเรื่องนี้แค่ในระดับ A+10 เท่านั้น
แต่เราก็พอใจกับหนังเรื่องนี้มากพอสมควรแหละ เพราะเราว่าจริงๆแล้วมันเป็นหนังที่ “ไม่ได้ทะเยอทะยานอะไรมาก”
และเป็นเหมือนการบันทึก “ความประทับใจสั้นๆที่มีต่อพระรูปนึง” เท่านั้น
การที่มันไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้สูง และไม่ได้พยายามจะปรุงแต่งอะไรมากมายจนเกินไป
หรือ “ทำตัวสำคัญ” มากเกินไป
ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาดูพอเหมาะพอดีกับตัวมันเองในระดับนึง
--สรุปว่าสิ่งที่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ ก็คือการสนทนากันเรื่องการอาบัติของพระเกย์นี่แหละจ้ะ
เราว่ามันเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากๆ
--แต่ถ้าหากสงสัยว่าหนังแบบไหนที่เราอาจจะชอบสุดๆในระดับ A+30 เราก็คิดว่าหนังเรื่องนั้นน่าจะ
“ลึก” กว่านี้ หรือไม่ก็ “กว้าง” กว่านี้ โดยความลึกนั้นอาจทำได้ในสองรูปแบบก็คือ
1.ลึกเข้าไปในชีวิตของพระรูปนี้
ซึ่งผู้สร้างหนังจะต้องใช้เวลาคลุกคลีกับพระรูปนี้มากพอสมควร
เพื่อจะได้เก็บฟุตเตจพระรูปนี้ขณะออกบิณฑบาต และทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ
และมีการสัมภาษณ์คนอื่นๆที่รายล้อมพระรูปนี้ อย่างเช่นสมาชิกครอบครัว
พระคนอื่นๆในวัด เด็กวัด อุบาสกอุบาสิกา คนที่ใส่บาตรพระรูปนี้
ส่วนเรื่องการ balance ระหว่าง moment ที่ให้สัมภาษณ์กับ moment ที่นำเสนอชีวิตประจำวันนั้น
เราว่าหนังสารคดีที่ balance สองสิ่งนี้ได้ดีมากๆคือเรื่อง ME
FILIPINO (2014, อัครินทร์ เรืองเนาวโรจน์, A+30)
ลองดูหนังเรื่องนี้ได้ที่ลิงค์นี่นะ ถ้ามีใครสนใจ
2.ลึกเข้าไปในประเด็นที่ให้สัมภาษณ์
คือเราอยากให้มีหนังเกี่ยวกับศาสนาพุทธที่อาจจะมีการถกประเด็นเรื่องหลักธรรมะขั้นสูงไปเลย
หรือพูดคุยกันในประเด็นที่เราไม่รู้มาก่อน อย่างเช่น
อาบัติปาราชิกกับอาบัติปาจิตตีย์ต่างกันยังไง อะไรทำนองนี้
แต่ในการถกกันเรื่องหลักธรรมะขั้นสูงนั้น
ผู้สร้างหนังอาจจะต้องศึกษาเรื่องธรรมะมาดีในระดับนึง
หรือไม่ก็ต้องหาคนที่มีความรู้เรื่องนี้ดี อย่างเช่นคุณ Vichak Panich (ที่หล่อมากๆด้วย
ฮิฮิฮิ) มาถกกับพระอย่างจริงจัง
3.หรือถ้าไม่ทำหนังที่ลึก ก็ทำหนังที่กว้างกว่านี้ก็ได้ อย่างเช่น
สัมภาษณ์พระที่อยู่ใน “วัยหนุ่มฉกรรจ์” สัก 5 คน
เกี่ยวกับสาเหตุที่ตั้งใจจะบวชไม่สึก
No comments:
Post a Comment