Monday, November 13, 2023

TEE YOD AND MANY OTHER THINGS

 ฉันรักเขา เฟรนด์ พีระกฤตย์ พชรบุณยเกียรติ from TEE YOD (2023, Taweewat Wantha, A+30)


ฉันรักเขา จูเนียร์ กาจบัณฑิต ใจดี from TEE YOD (2023, Taweewat Wantha, A+30)

ธี่หยด TEE YOD (2023, Taweewat Wantha, A+30)

1.หนังสนุกดี แต่เรารู้สึกกลัวตอนมันเป็นเรื่องลงใน pantip   มากกว่า เหมือนพอเราจินตนาการภาพในหัวเราเอง เราจะไม่เห็นภาพอะไรที่เป็นรูปธรรมชัด ๆ แต่มันจะเป็นสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และมันจะเกิดขึ้นกับเราได้ในชีวิตจริง เพราะเราไม่รู้ว่าลมแต่ละวูบที่พัดมาโดนเรามันมีของมอญ, ของเขมร, ของแขก, ควายธนู, กระทิงแดง, etc. อยู่ในสายลมนั้นที่พร้อมจะเข้ามาสิงสู่ในตัวเราหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเราจะเป็นคนที่รู้สึกกลัวสุดขีด เวลาเราอ่านคอลัมน์ "ประสบการณ์ปีศาจ" ในนิตยสารต่วย'ตูนพิเศษ แต่เราจะไม่ค่อยกลัวหนังผีหลาย ๆ เรื่อง เพราะพอผีโผล่มาให้เห็นเป็นภาพชัดเจน เป็นตัวๆตนๆ ที่เห็นด้วยลูกตาเรา เราจะรู้สึกว่าเราสามารถรับมือกับผีนั้นได้ง่ายกว่าผีที่มองไม่เห็นตัว แต่อยู่ในจินตนาการของเรา 555

2.ชอบการสร้าง character ยักษ์ ให้เป็นคนสู้ผีมาก ๆ และชอบที่เขากับน้องสาวพยายามดิ้นรนสู้กับมนตร์สะกดด้วยการเอามือลนไฟ และกัดมือตัวเอง

3. ตัวละครของพอเจตน์ แก่นเพชรก็ดีงามสุด ๆ ขลังมาก ๆ

4.ชอบที่หนังเรื่องนี้เป็นหนังผีที่ทำออกมาให้สนุกได้ โดยไม่ต้องพึ่ง "เนื้อเรื่องที่ซับซ้อนแบบมีการหักมุม" อย่างเช่น "ลองของ", "บ้านเช่าบูชายัญ", "ของแขก", "กุมาร", CONFINEMENT (2023, Kelvin Tong, Singapore) ซึ่งจริง ๆ แล้วเราก็ชอบหนังผีแบบคิดพล็อตซับซ้อนอย่างลองของและบ้านเช่าบูชายัญ นะ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจทำงานอย่างจริงจังของคนเขียนบท แต่เราก็ชอบให้หนังมีความหลากหลายด้วยเช่นกัน ก็เลยชอบธี่หยดที่มันเป็นคนสู้ผีตรง ๆ ไปเรื่อย ๆ เลย ไม่ต้องมีการหักมุมอะไรแบบหักมุมว่าแย้มแอบ want พี่ชายตนเองจนเกิดการเก็บกดทางเพศจนกลายเป็นบ้า อะไรทำนองนี้

5.อันนี้ไม่เกี่ยวกับหนัง แต่ถ้าหากเราเป็นครูภาษาไทยชั้นประถมต้น เราจะออกข้อสอบโดยให้นักเรียนเขียนคำไทยที่ออกเสียงว่า "ที่-หยด" โดยไม่มีตัวการันต์ ให้ครบทั้ง 192 คำพ้องเสียง 555 เพราะพอเกิดกระแสดราม่า เรื่องการออกเสียง ธี่หยด เราก็เลยเพิ่งนึกได้ว่า คำที่ออกเสียงว่า ธี่หยดมันสามารถสะกดได้ง่าย ๆ 192 รูปแบบ เพราะคำที่ออกเสียงว่า "ที่" มันสามารถสะกดได้ 6 รูปแบบ เป็น ที่, ธี่, ฒี่, ฑี่, ถี้, ฐี้ ส่วนคำที่ออกเสียงว่า หยด ก็สะกดได้ 2×16 = 32 รูปแบบ เพราะเสียงพยัญชนะต้น จะสะกดว่า หย หรือ หญ ก็ได้ และเสียงพยัญชนะท้าย ก็สามารถใช้ได้ทั้ง 16 ตัวอักษรในแม่กด อย่างเช่น ธี่หยด, ฑี่หญจ, ฒี่หญช, ถี้หญซ, ฐี้หญฎ, ธี่หญฏ, ฑี่หญฐ, ฒี่หญฑ, ถี้หญฒ, ฐี้หญต, ธี่หญถ, ฑี่หญท, ฒี่หญธ, ถี้หยษ, ฐี้หญส, ธี่หญศ เพราะฉะนั้นคำพ้องเสียงของธี่หยด ก็เลยสามารถสะกดได้ง่าย ๆ เป็น 6×2×16 = 192 รูปแบบ โดยไม่ต้องใช้ตัวการันต์ หวังว่านักเรียนชั้นประถม 2 ทุกคนคงทำข้อสอบนี้ได้ง่าย ๆ เหมือนพลิกฝ่าตีนนะคะ 555
---
เราเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทเมื่อวันพุธที่ 1 พ.ย.นะ หลังจากทุกข์ทรมานกับโรคนี้มานาน และโรคมันกำเริบหนักขึ้นมาอีกในช่วงนี้ เหมือนผลการผ่าตัดออกมาเรียบร้อยดี แต่ช่วงนี้ยังปวดแผลอยู่ และยังยืนเดินนั่งไม่ได้มากนัก และต้องนอนโรงพยาบาลอีกสักพักนึง และหลังจากนั้นพอเรากลับอพาร์ทเมนท์แล้ว เราก็ต้องพักฟื้นต่ออีก 3 เดือน เห็นคนโบราณเขาเชื่อกันว่าห้าม "เดินฉ่ำฉีบานหีหลุด"ในช่วง 3 เดือนนี้

ก็เลยจะบอกว่า เราคงออกไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ไม่ได้อีกนานเลย อาจจะพลาดดู CLUB ZERO (2023, Jessica Hausner) เพราะกว่าเราจะสามารถออกเดินทางไปโรงหนังได้  ก็ไม่รู้ว่า CLUB ZERO จะยังฉายอยู่หรือเปล่า กรี๊ดดดด

ก่อนวันผ่าตัด เราก็เครียดอยู่แล้ว แล้วอยู่ดี ๆ วันนั้นตอน 18.00 น. ท่อระบายน้ำในอ่างล้างหน้าที่อพาร์ทเมนท์ของเราก็แตกขึ้นมาอีก อาถรรพ์วัน HALLOWEEN มาก ๆ ตอนนั้นรู้สึกสติแตกมาก ๆ นึกว่าตัวเองเป็น Jeanne Dielman ที่ต้มมันฝรั่งนานเกินไป แล้วก็เลยเริ่มเสียสติ ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้อีกต่อไป แล้วทุกอย่างก็เลยโลบังพังพินาศกันไปหมด วันนั้นเราก็เลยต้องพยายามบอกตัวเองว่า ฉันจะต้องไม่เป็นแบบ Jeanne Dielman เป็นอันขาด 555 ถึงท่อระบายน้ำจะแตก เราก็จะพยายามเข้ารับการผ่าตัดตามแผนเดิมให้ได้ต่อไป

พอวันผ่าตัด เราก็รู้สึกมาก ๆ ว่า ดิฉันคือนางเอกของ CLEO FROM 5 TO 7 (1962, Agnes Varda) เพราะเราลุ้นระทึกมาก ๆ ว่าผลการผ่าตัดจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะเราเองก็ไม่เคยเข้ารับการผ่าตัดหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทมาก่อน เราเคยแค่เข้ารับการผ่าตัดไส้เลื่อน, ริดสีดวงทวาร กับต้อกระจกตาซ้ายและตาขวา

พอเราฟื้นจากยาสลบ โรงพยาบาลก็แจ้งว่า ผลการผ่าตัดเรียบร้อยดี เราก็โล่งใจ เสร็จสิ้นจากการรับบทนางเอก CLEO FROM 5 TO 7 และเข้าสู่การรับบทนางเอกใน HALLOWEEN II (1981, Rick Rosenthal) เพราะเราเดินทางเข้าโรงพยาบาลคนเดียว, นอนโรงพยาบาลคนเดียว ไม่มีสามีมานอนเฝ้าไข้ด้วย
เราก็เลยบอกตัวเองว่า ฉันคือ Laurie Strode (Jamie Lee Curtis) แห่ง HALLOWEEN II ฉันจะต้องมีชีวิตรอดจากการอยู่โรงพยาบาลคนเดียวให้ได้

หวังว่าพอออกจากโรงพยาบาล และกลับไปพ้กฟื้นแล้ว ชีวิตเราจะเจริญรอยตามพระเอกหนังเรื่อง BLEED FOR THIS (2016, Ben Younger) เพราะจริง ๆ แล้วหนังเรื่อง BLEED FOR THIS คือหนึ่งในหนังที่เรานึกถึงบ่อยที่สุดในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราล้มป่วยจากโรคอะไรก็ตาม หนังเรื่อง BLEED FOR THIS  คือกำลังใจให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไป

ขอแจ้งไว้อีกนิดนึงแล้วกันว่า เนื่องจากเรา "ไม่มีสามี" และใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังตัวคนเดียว เพราะฉะนั้นเราขอความกรุณาไม่ต้องส่งของใด ๆ มาให้เราโดยไม่จำเป็นในช่วง 3 เดือนนี้นะจ๊ะ เพราะเราไม่สามารถถือของหนักได้ เดินก็ลำบาก เพราะฉะนั้นถ้าใครส่งของใด ๆ มาให้เรา เราก็ไม่สามารถถือของสิ่งนั้นกลับขึ้นอพาร์ทเมนท์ของเราได้จ้ะ เพราะเราไม่มีสามีมาช่วยถือของให้ ลูกหมีของเราก็ช่วยเราถือของไม่ได้ด้วย 555 จบค่ะ
---
ทำไมอยู่ดี ๆ STALKER (1979, Andrei Tarkovsky, Soviet Union) ก็กลับมาฮิต เพราะเมื่อวันจันทร์เราดู LONELY CASTLE IN THE MIRROR (2022, Keiichi Hara) ก็นึกถึง STALKER แล้ววันอังคาร เราได้ดูหนังเรื่อง "เราต่างเหมือนกัน" (2023, Surayuth Tangpaiwan, 55min, A+30) พระเอกในหนังก็นั่งดู STALKER  ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด
---
รายงานผลประกอบการประจำวันจันทร์ที่ 30  OCT 2023

1. NOT FRIENDS เพื่อน (ไม่) สนิท (2023, Atta Hemwadee, A+30)

ดูที่มาบุญครอง รอบ 11.15

ชอบการสร้าง dilemma ต่าง ๆ ให้ตัวละคร คือเหมือนในช่วงครึ่งหลังตัวละครเจอปัญหาที่ทำให้เราตัดสินใจได้ยากเหมือนกันว่า ถ้าหากเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น แล้วเราจะตัดสินใจยังไงดี และก็ชอบที่ตัวละครแต่ละตัวมี guilt อยู่ในใจตัวเอง

2.LONELY CASTLE IN THE MIRROR (2022, Keiichi Hara, Japan, animation, A+30)

ดูที่มาบุญครอง รอบ 13.45

ชอบสุดขีดมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

3.CONFINEMENT (2023, Kelvin Tong, Singapore, A+25)

ดูที่ major ratchayothin รอบ 17.10

ชอบที่มันนำความกลัวของ "ช่วงอยู่ไฟหลังการคลอด" มาขยายเป็นหนัง

4.TOKYO MER (2023, Aya Matsuki, Japan, A+30)

ดูที่ major ratchayothin รอบ 19.30

Guilty pleasure of the year เราไม่เคยดู TOKYO MER เวอร์ชั่นละครทีวีมาก่อน พอมาดูอันนี้แล้วก็หัวเราะจนหยุดไม่ได้ หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหลตลอดทั้งเรื่อง ดูแล้วต้องอุทานในใจว่า "ญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริง ๆ" ทุก ๆ 1 นาที ดูแล้วนึกถึงละครทีวีญึ่ปุ่นในทศวรรษ 1980 มาก ๆ ด้วย

รู้สึกเหมือนมันเอาความ CLICHE บางอย่างของละครทีวีญี่ปุ่นมาใช้ แล้วผลักมันไปให้สุดทางของความ CLICHE แบบไม่มีความละอายใจใด ๆ อีกต่อไปน่ะ 555 ทั้งตัวละครฝ่ายพระเอกตัวนึงที่ "ทำหน้าเคร่งขรึม" ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง และตัวละครฝ่ายผู้ร้ายตัวนึงที่เหมือนใช้กล้ามเนื้อทุกกล้ามบนใบหน้าตัวเองขณะที่พูดตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง

แต่ถึงแม้หนังเรื่องนี้มันจะบรรจุ "สุดยอดความ cliche" ของละครทีวีญี่ปุ่น แล้วผลักมันไปจนสุดทาง แต่เราก็ยอมรับหนังเรื่องนี้ได้นะ เพราะเรารู้สึกว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประสบภัยพิบัติหนักมากบ่อย ๆ น่ะ เพราะฉะนั้นมันก็อาจจะต้องมีการผลิต "สื่อบันเทิง"  แบบนี้ออกมา "สอนเด็ก ๆ" ว่าต้องทำตัวยังไงเมื่อเจอภัยพิบัติ และเราเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าต้องทำตัวยังไงเมื่อเจอภัยพิบัติ เพราะฉะนั้นถึงแม้หนังเรื่องนี้มันจะทำให้เราหัวเราะจนหยุดไม่ได้ตลอดทั้งเรื่อง แต่เราก็รู้สึกว่าเราได้รับบางอย่างที่เราต้องการจากหนังในเวลาเดียวกัน
---
เราชอบหนัง horror ของญี่ปุ่นอย่างมาก ๆ และคิดว่าสาเหตุส่วนนึงที่ญี่ปุ่นทำหนัง horror ออกมาได้ดี คงเป็นเพราะวัฒนธรรมประเพณีหลายพันปีของญี่ปุ่นมันผูกพันกับ "สิ่งเหนือธรรมชาติ" ในรูปแบบต่าง ๆ อยู่แล้ว แต่เราสงสัยว่า ในขณะที่ญี่ปุ่นชอบทำทั้งหนัง supernatural horror และหนังเกี่ยวกับ "เด็กสาววัยรุ่น" แต่เหมือนเราแทบไม่เคยดูหนังญี่ปุ่นที่เป็นเรื่องของเด็กสาววัยรุ่นถูกผีปีศาจเข้าสิงร่าง แล้วต้องเชิญนักบวชมา exorcise  ผีปีศาจออกจากร่างเหมือนหนังฝรั่งหรือหนังไทยอย่าง ธี่หยด, ของแขก, ร่างทรง,  THE EXORCIST, etc. เลย คืออย่างเกาหลีใต้ก็มีหนัง "ปีศาจคริสต์เข้าสิงร่างเด็กสาว"  แบบ THE DIVINE FURY (2019, Kim Joo-hwan) มาให้ดูบ้างน่ะ แต่ญี่ปุ่นนี่เรานึกแทบไม่ออกเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ superstitious beliefs แต่โบราณของญี่ปุ่นแตกต่างจากไทยและคาทอลิกหรือเปล่า หนัง horror ของญี่ปุ่นก็เลยไม่ค่อยมีอะไรทำนองนี้ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว ผีปีศาจคำสาปแม่มดหมอผีต่าง ๆ บนโลกนี้จะได้มีอิทธิฤทธิ์แตกต่างกันไป ไม่ซ้ำซากจำเจ 555 ใครมีความรู้หรือความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ก็มา commentsได้นะ
---
เข้าไปดู LONELY CASTLE IN THE MIRROR (2022, Keiiichi Hara, Japan, animation, A+30) ที่ SF มาบุญครองวันนี้โดยไม่รู้อะไรมาก่อน พอเข้าไปดู 5 นาทีแรกก็ร้องวี้ดสุดเสียง เพราะนึกว่าหนังเรื่องนี้จงใจ tribute ให้ ORPHEUS (1950, Jean Cocteau) , STALKER (1979, Andrei Tarkovsky) และ THE BREAKFAST CLUB (1985, John Hughes) 555555 เพราะนางเอกทะลุกระจกเข้าไปในแดนปริศนา, เจอเพื่อนแปลกหน้ากลุ่มนึง และพวกเขาต้องช่วยกันหา "ห้องที่จะทำให้ความปรารถนากลายเป็นจริง" แล้วลีลาท่าทางตอนทะลุกระจกนี่คือ Jean Cocteau มาก ๆ 555

คือไม่รู้ว่าหนังจงใจหรือเปล่า แต่การทำให้เรานึกถึงได้ทั้ง Jean Cocteau, Andrei Tarkovsky และ John Hughes ได้พร้อมกันในเวลาแค่ไม่กี่นาทีนี่ถือว่าสุดตีนมาก ๆ
---
ฉันรักเขา Lam Ka-Tung from MAD FATE (2023, Soi Cheang, Hong Kong, A+30)

หลงรักเขามานาน 20 ปีแล้ว ตั้งแต่เขาเล่นเป็นตัวประกอบใน INFERNAL AFFAIRS (2002, Andrew Lau, Alan Mak) ดีใจที่เขายังคงได้รับบทดี ๆ และได้เล่นเป็นพระเอกแม้อายุมากแล้ว
--
อยากให้มีคนทำหนัง "ผีระบำ 4 ภาค" เกี่ยวกับกลุ่มแก๊งเด็กสาว 4 แก๊งในโรงเรียนมัธยมที่แข่งขันเป็นเจ้าแม่กัน แล้วเจอครูบังคับให้มาเต้นระบำ 4 ภาคแข่งกันในงานจินตลีลาของโรงเรียน เด็กสาวแต่ละแก๊งเลยไปทำพิธีขอให้ผีปีศาจของแต่ละภาคมาเข้าสิงในแก๊งของตน เพื่อชิงความเป็นหนึ่ง
--
ฉันรักเขา Adam Tin-nam Pak from  A GUILTY CONSCIENCE (2023, Ng Wai-lun, Hong Kong, A+30)

รายงานผลประกอบการประจำวันเสาร์ที่ 28 OCT 2023

1.COBWEB (2023, Kim Jee-woon, South Korea, 135min, A+30) 

ดูที่ House รอบ 10.15

2. THE ORDINARIES (2022, Sophie Linnenbaum, Getmany, 124min, A+30)

ดูที่ Doc club รอบ 13.20

ชอบไอเดียของหนังเรื่องนี้มาก ๆ ที่มันเอาองค์ประกอบต่าง ๆ ของภาพยนตร์มาทำเป็นตัวละคร อย่างเช่น ตัวละครที่หน้าเบลอ เพราะถูกถ่ายแบบ out of focus, ตัวละครที่มีดนตรีประกอบดังขึ้นมาตลอดเวลาที่เธอเกิดอารมณ์รุนแรง, ตัวละครที่พอเธอพูดอะไร ก็จะมีเสียง "คนดูในห้องส่งหัวเราะขบขัน" คลอไปกับ dialogue ของเธอ, ตัวละครที่โดน jump cut ตลอดเวลา, ตัวละครที่ถูกจำกัดให้พูดได้แต่ประโยคที่ไม่มีความหมายสำคัญ, etc.

ชอบมาก ๆ ที่ตัวละครตัวนึงพูดว่า "ฉันเบื่อหน่ายกับการอาบน้ำเหลือเกิน เพราะมันเป็นสิ่งไม่สำคัญสำหรับพล็อต" 55555

3. REPUBLIC OF SILENCE (2021, Diana El Jeiroudi, Syria/Germany,  documentary, 183min, A+30)

ดูที่ doc club  รอบ 15.50

ชอบที่มันเป็นหนังสารคดีเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองซีเรียที่เลือกจุด focus ได้แตกต่างไปจากหนังเรื่องอื่น ๆ เพราะส่วนหนึ่งของหนังมันเหมือน focus ไปที่ชีวิตประจำวันของตัวผู้กำกับในเยอรมนี โดยเฉพาะการแต่งหน้าของเธอ และการที่สามีของเธอนอนละเมอแปลก ๆ หลังจากที่เขาเคยถูกทางการซีเรียจับตัวไป (ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด)

แต่ถึงแม้เนื้อหาโดยรวมของหนังจะไม่โหดร้ายรุนแรงเท่าหนังสงครามกลางเมืองซีเรียเรื่องอื่น ๆ แต่หนังมันเหมือนถ่ายทอดความเศร้าอย่างรุนแรงมาให้เราได้ในทางอ้อม โดยที่เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหนังมันทำได้ยังไง

4. HAO ARE YOU (2023, Dieu Hau Do,  Germany, about Vietnam, documentary, 93min, A+30)

ดูที่ doc club รอบ 19.20

เพิ่งดูหนังเรื่องนี้จบ หนักที่สุดในชีวิตการแสดงของจริง อินมาก ๆ เป็นหนังสารคดีที่ถ่ายทอด "ความเกลียดชัง" ระหว่างสมาชิกครอบครัวได้อย่างรุนแรงที่สุด

เป็นหนังม้ามืดที่ครองอันดับ 1 ของวันนี้ไปเลย เพราะอินมาก ๆ เป็นการส่วนตัว

ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด Hao ซึ่งเป็นผู้กำกับ มีแม่ (ซึ่งเป็นเมียน้อยพ่อ) อยู่เยอรมนี, มี aunts สองคนอยู่ที่อเมริกา, มึ  uncles 4 คน โดยที่คนนึงตายไปแล้ว, คนนึงอยู่ฮ่องกง, คนนึงอยู่เวียดนาม และอีกคนอยู่เยอรมนี


Hao พยายามจะให้สมาชิกครอบครัวที่กระจัดกระจายอยู่หลายประเทศมา reunion กัน แต่พอเขาไปสัมภาษณ์ aunts + uncles แต่ละคน เขาก็พบว่าแต่ละคนเกลียดชังกันอย่างรุนแรงมาก ๆ และยิ่งเขาสืบสาวค้นลึกไปมากเท่าใด เขาก็ค้นพบว่า คนที่ aunts + uncles เกลียดชังมากที่สุด อาจจะเป็นแม่ของ Hao เอง หนักที่สุด กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ฉันรักเขา Yuta Nakatsuka from  MINNA NO UTA เทปผีดุ (2023, Takashi Shimizu, Japan, A+30)

ฉันรักเขา Alan Shirahama from  MINNA NO UTA เทปผีดุ (2023, Takashi Shimizu, Japan, A+30)

ฉันรักเขา Reo Sano from  MINNA NO UTA เทปผีดุ (2023, Takashi Shimizu, Japan, A+30)

ฉันรักเขา Mandy Sekiguchi from  MINNA NO UTA (2023, Takashi Shimizu, Japan, A+30)

---
รู้สึกอยากเอาไอเดียนี้ไปสร้าง "ความบันเทิง" แบบใหม่ให้ตัวเองเลย คือแทนที่เราจะบันเทิงไปกับการดูหนัง, ดูละคร, อ่านนิยาย, เล่นเกม, etc. เราก็สามารถสร้างความบันเทิงแบบใหม่ด้วยการสร้าง fictional characters ขึ้นมาซัก 15 ตัว โดยให้ทุกตัวมี online accounts ใน social media platforms และมี fictional stories เป็นของตนเอง แล้วก็ให้ 15 ตัวนี้ทะเลาะตบตีกันทุกวันใน social media พร้อมกับเจอ fictional situations ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ และเปิดโอกาสให้คนจริง ๆ เข้าไปด่าทอตบตีกับ fictional characters เหล่านี้ได้ตลอดเวลาด้วย 555
---
พอดู NOMAD (1982, แพทริค ธรรม, Hong Kong, A+30) แล้วก็ชอบตอนจบอย่างสุดขีดมาก ๆ ยกให้เป็น ONE OF MY MOST FAVORITE ENDINGS OF ALL TIME ไปเลย แล้วพอดูหนังเรื่องนี้จบ เราก็เลยสงสัยว่า ขบวนการ RED ARMY เคยมาก่อการร้ายที่ฮ่องกงไหม แต่ก็ไม่เจอว่า RED ARMY เคยมาก่อการร้ายที่ฮ่องกง อย่างไรก็ดี WIKIPEDIA ระบุว่า RED ARMY เคยจี้เครื่องบินในมาเลเซียในปี 1977 ระหว่างบินจากปีนังไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ แล้วทำให้เครื่องบินตก ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือรวมกัน 100 คนเสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งเราว่าเป็นเหตุการณ์ที่หนักมาก ๆ เพราะเราว่าผู้โดยสารราว 100 คนน่าจะคิดในตอนแรกว่า แค่บินจากปีนังไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ ไม่น่าจะมีเหตุอะไรให้ต้องกังวล หารู้ไม่ว่านั่นจะเป็นการโดยสารเที่ยวบินครั้งสุดท้ายของพวกเขา

คือตอนแรกเรารู้สึกว่าเนื้อหาใน NOMAD ดูเหมือนโหดร้าย แต่เรื่องจริง ชีวิตจริง โหดร้ายหนักกว่าในหนังหลายเท่า
https://en.wikipedia.org/wiki/Malaysian_Airline_System_Flight_653

----
อันนี้คือการตั้งชื่อหนังเพื่อให้ได้ฉายเป็นเรื่องแรก ๆ ของเทศกาลหรือเปล่าเนี่ย 5555 นึกถึงหนังเรื่อง [..........] (2012 , Teeranit Siangsanoh, 35min, A+30) ที่ได้ฉายเรื่องแรกในเทศกาลหนังสั้นปี 2012 ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังเปิดเทศกาลที่งดงามที่สุดตลอดกาล โดยหนังเรื่องนั้นเป็นหนังที่ถ่ายพระจันทร์เกือบตลอดความยาว 35 นาทีของหนัง

----
วันพฤหัสนี้ central world มีหนังฉาย 20 เรื่อง ดีใจที่ LONELY CASTLE IN THE MIRROR ยังมีรอบฉายอยู่ เพราะตามดูไม่ทันจริง ๆ
---
Films seen in the 37th week of the year 2023 (10-16 Sep)

1.SEVENTEEN (1983, Joel DeMott, Jeff Kreines, USA, documentary, A+30)

หนังสารคดีเกี่ยวกับวัยรุ่นสหรัฐในทศวรรษ 1980 ตัวเอกเป็นหญิงสาวผิวขาวที่ชอบคบหาเป็นแฟนกับหนุ่มผิวดำ ซึ่งถือเป็นอะไรที่กล้าหาญชาญชัยมาก ๆ ในยุคนั้น โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงหนังเรื่อง FULL FRONTAL (2002  Steven Soderbergh, A+30) ที่เคยตั้งข้อสังเกตว่า หนังในระบบอุตสาหกรรมฮอลลีวู้ดตั้งแต่อดีตจนถึงปี 2002 ยังไม่กล้าโชว์ฉาก "หนุ่มผิวดำจูบกับผู้หญิงผิวขาว" มาก่อนเลย แต่หนังสารคดีปี 1983 เรื่องนี้กลับโชว์ฉากแบบนี้ให้เห็นกันเต็ม ๆ

ตัว subject หลักของหนังเข้าทางเรามาก ๆ เธอเป็นสาวผิวขาวในโรงเรียนไฮสกูลที่เอาหนุ่มผิวดำเป็นผัว จนพวกเหยียดผิวที่น่าจะเป็น klu klux klan บุกเอาไม้กางเขนเผาไฟมาปักหน้าบ้านเธอ เธอก็ไม่ครั่นคร้ามสะทกสะท้านแต่อย่างใด นอกจากนี้ เธอกับแม่ของเธอยังโดนพวกสาวผิวดำที่น่าจะอยากได้ผู้ชายคนเดียวกัน โทรมาด่าทอหาเรื่องที่บ้านตลอดเวลาด้วย แต่แม่ของเธอที่น่าจะมีปืนยาวอยู่ติดตัว ก็พร้อมที่จะยิงทุกคนที่มาหาเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น klu klux klan หรือกลุ่มสาวผิวดำ คือถ้าใครมาหาเรื่องคุณแม่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นสีผิวอะไร ก็โดนคุณแม่ยิงตายห่าแน่ ๆ

ตัวลูกสาวนี่ก็มีเพื่อนผู้ชายหนุ่มหล่อผิวขาวคนนึงที่มาเมาเหล้าที่บ้านของเธอด้วย แล้วพอหนุ่มหล่อวัยรุ่นผิวขาวคนนี้เมามาก ๆ คุณแม่ของเธอก็เลยพยายามจะชวนเขานอนค้างที่บ้านให้ได้ ถือเป็นฉากที่เราชอบสุดขีดฉากนึง

ยกให้เป็นหนึ่งในหนังคลาสสิคตลอดกาลไปเลย

2.SHORTCOMINGS (2023, Randall Park, A+30)

3.ALL HANDS ON DECK (2020, Guillaume Brac, France, A+30)

4.LITTLE VAMPIRE (2020, Joann Sfar, France, animation A+30)

5.THE THREE MUSKETEERS: D'ARTAGNAN (2023, Martin Bourboulon, France, A+30)

6.THE NUN II (2023, Michael Chaves, A+30)

7.ANIMAL (2021, Cyril Dion, France, documentary, A+30)

8.SLEEP (2023, Jason Yu, South Korea, A+30)

9.GRIDMAN UNIVERSE (2023, Akira Amemiya, Japan, animation, A+30)

10.JAWAN (2023, Atlee, India, A+25)

11.RANSOMED (2023 , Seong Hun Kim, South Korea, A+25)

12.SINBAD (2016, Shinpei Miyashita, Japan, A+25)

สรุปว่าใน 37 สัปดาห์แรกของปี เราดูหนังไปแล้ว 590 +12 = 602 เรื่อง แต่เป็นหนังสั้นหลายเรื่อง

---
หนังที่มีอะไรคล้ายกัน และออกฉายในเวลาไล่เลี่ยกัน

43.MUD (2012, Jeff Nichols)
+ JOE (2013, David Gordon Green)

เพราะหนังสองเรื่องนี้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มกับชายวัยกลางคนที่เป็นคนนอกสังคมในภาคใต้ของสหรัฐเหมือนกัน และนำแสดงโดย Tye Sheridan เหมือนกัน

44.REVOIR PARIS (2022, Alice Winocour, France)
+ MAALBEEK (2020, Ismael Joffroy Chandoutis, France, animation, documentary, short film)

เพราะหนัง 2 เรื่องนี้พูดถึงผู้หญิงที่สูญเสียความทรงจำในช่วงที่ประสบเหตุก่อการร้ายเหมือนกัน โดย REVOIR PARIS ออกฉายช้ากว่า MAALBEEK 2 ปี แต่เราสงสัยว่ามันอาจจะเริ่มสร้างในเวลาไล่เลี่ยกันก็ได้ เพราะ REVOIR PARIS เป็นหนังยาว ส่วน MAALBEEK เป็นหนังสารคดีสั้น

45. THE LITTLE GANG (2022, Pierre Salvadori, France)
+ NINA AND THE HEDGEHOG'S SECRET (2023, Jean-Loup Felicioli + Alain Gagnol, France, animation)

เพราะหนังสองเรื่องนี้พูดถึงเด็ก ๆ ที่วางแผนลักลอบเข้าไปในโรงงานเหมือนก

No comments: