Friday, January 05, 2024

ANYONE BUT YOU

 ANYONE BUT YOU (2023, Will Gluck, A+)


เข้าไปดูหนังเรื่องนี้โดยไม่รู้อะไรมาก่อน แต่พอหนังเริ่มอ้างถึง Shakespeare และตัวละครเริ่มทำอะไรที่ไม่เข้ายุคเข้าสมัย เราก็เลยเดาว่าหนังเรื่องนี้มันต้องมาจาก Shakespeare แน่ ๆ และก็ปรากฏว่า มันมาจาก MUCH ADO ABOUT NOTHING จริง ๆ 555 แต่ก็ถือว่าหนังเรื่องนี้ดัดแปลง Shakespeare ออกมาได้อย่างน่ารักครื้นเครงดีนะ และก็ดีใจที่ยังมีคนทำหนังจากบทประพันธ์ของ Shakespeare ออกมาอยู่เรื่อย ๆ เพียงแต่ว่าโดยปกติเราอาจจะไม่ได้อินกับหนัง romantic comedy อยู่แล้ว เราก็เลยอาจจะไม่ได้อินกับหนังเรื่องนี้มากนัก

---

Film Wish List: SCARLET (2022, Pietro Marcello, Italy)
---
พอเราได้ดู FALLEN LEAVES (2023, Aki Kaurismaki, Finland) แล้วก็เลยนึกถึงหนังเรื่องนี้มาก ๆ HELSINKI, FOREVER (2008, Peter von Bagh, Finland, documentary, A+30) ที่เคยมาฉายที่หอภาพยนตร์ศาลายา เพราะถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด Peter von Bagh ซึ่งเป็น cinephile คนสำคัญแห่งฟินแลนด์ คือบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อชีวิตของ Aki Kaurismaki เพราะ Peter von Bagh เคยเขียนหนังสือชื่อ HISTORY OF CINEMA และในปี 1976 Mika Kaurismaki ซึ่งเป็นช่างทาสีบ้าน และเป็นพี่ชายของอากิ เคาริสมากิ ก็ได้ซื้อหนังสือ HISTORY OF CINEMA เล่มนี้มา และพอมิกาได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เขาก็เลยตัดสินใจเลิกเป็นช่างทาสีบ้าน และตัดสินใจว่าจะหันมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ มิกาได้กำกับภาพยนตร์เรื่อง THE LIAR ในปี 1980 โดยให้อากิผู้เป็นน้องชายมาร่วมเขียนบทและนำแสดง และความสำเร็จของ THE LIAR ก็เลยเหมือนส่งผลกระทบต่อเนื่องจนส่งผลให้อากิได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์ และกลายเป็นผู้กำกับดาวค้างฟ้ามาจนถึงปัจจุบัน

ก็เลยประทับใจมาก ๆ ที่ cinephile ชาวฟินแลนด์คนหนึ่งเขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง และหนังสือเล่มนั้นก็ส่งผลให้เกิดแรงบันดาลใจต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนส่งผลให้เกิดผู้กำกับภาพยนตร์อย่างเช่น Aki Kaurismaki ในเวลาต่อมา

---


รีวิวชีวิตตัวเองในปี 1983 ภาค 3

12. เสียดายที่ในปี 1983 เรายังไม่ได้จดชื่อเพลงที่ชอบเอาไว้ แต่ถ้าหากให้เรานึกคร่าว ๆ ในตอนนี้ถึงเพลงที่เราเคยชอบสุดขีดในปี 1983 ก็อาจจะทำอันดับออกมาคร่าว ๆ ได้ดังนี้

เรียงตามลำดับความชอบ

12.1 รอยเท้าบนผืนทราย – พิงค์แพนเตอร์ จากอัลบัม ไกลเกินฝัน
https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=Zp8IxcowPEQ

12.2 ระบำยอดหญ้า – ดอกไม้ป่า จากอัลบัม ระบำยอดหญ้า
https://www.youtube.com/watch?v=_n63-ULEeUI

12.3 รักคือฝันไป – สาวสาวสาว จากอัลบัม ประตูใจ
https://www.youtube.com/watch?v=ca3bx9MF6K8

12.4 เต่ากับกระต่าย – ดอกไม้ป่า จากอัลบัม ระบำยอดหญ้า
https://www.youtube.com/watch?v=hzoeXVwqFtU

12.5 น้ำตาจระเข้ – The Hot Peppers Singers
ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพลงในปี 1983 หรือเปล่า แต่เป็นเพลงที่เราชอบสุด ๆ คือถ้าหากเราจำไม่ผิด ช่วงราว ๆ ปี 1983 น่าจะเป็นช่วงที่ละครทีวีฮ่องกงเรื่อง “น้ำตาจระเข้” (1978) ที่มีความยาว 89 ตอน และนำแสดงโดย พานจื้อเหวิน กับ หม่าเหมี่ยนเอ๋อ เข้ามาฉายทางช่อง 5 และเพลง “น้ำตาจระเข้” นี้ก็ถูกใช้ประกอบละครทีวีฮ่องกงเรื่องนั้น
https://www.youtube.com/watch?v=Z2Lhvp9I_yc

12.6 ประตูใจ – สาวสาวสาว จาก อัลบัม ประตูใจ
https://www.youtube.com/watch?v=KzN2ptmBp14

12.7 รักเพื่อรัก – จันทนีย์ อูนากูล จากอัลบัม เธอที่แสนดี
https://www.youtube.com/watch?v=WCymOlybdaI

12.8 ฝัน – จันทนีย์ อูนากูล จากอัลบัม เธอที่แสนดี
https://www.youtube.com/watch?v=pTqRCVV-Jbg

12.9 ที่เก่าเวลาเดิม – โอเวชั่น จากอัลบัม ที่เก่าเวลาเดิม
https://www.youtube.com/watch?v=iOYbRTXYpXc

12.10 จบเกมส์ – ฟรีเบิร์ดส จากอัลบัม จบเกมส์
https://www.youtube.com/watch?v=RBom3MmNNQY

เหมือนเราจำได้ว่าชอบวง ฟรีเบิร์ดส มาก ๆ ในตอนนั้น แต่จำไม่ค่อยได้แล้วว่าตอนนั้นชอบเพลงอะไรบ้าง บางทีอาจจะมีเพลงที่ชอบมากกว่าเพลงนี้ แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออก

แล้วคุณล่ะคะ เคยชอบเพลงอะไรอย่างสุด ๆ บ้างในปี 1983

---
สรุปว่า หนังเรื่องสุดท้ายที่ดิฉันได้ดูในโรงภาพยนตร์ในปี 2023 คือ LICORICE PIZZA (2021, Paul Thomas Anderson, A+30) ที่หอภาพยนตร์ ศาลายา รอบ 13.00 น. วันที่ 31 Dec 2023 ถือเป็นหนังปิดปีในโรงภาพยนตร์ที่งดงามมาก ๆ

หนังเรื่องสุดท้ายที่ได้ดูทางจอเล็กในปี 2023 คือ "หนัง queer" เรื่อง FRIEND IN A PHONE เพื่อนในมือถือ (2023, Jinnapak Chatwirasakul, animation, 9min, A+30) ที่ดูในห้องสมุด หอภาพยนตร์ ในเวลาราว 17.00 น.ของวันที่  31 Dec 2023

หนังเรื่องแรกที่ได้ดูในปี 2024 คือหนังที่ดูออนไลน์ เรื่อง FUSES (1964-1967, Carolee Schneemann, 30min, A+30)  ในเวลาราว 10.00น.ของวันที่ 1 Jan 2024 ถือเป็นหนังเปิดปีที่งดงามสว่างกระจ่างใจมลที่สุด

หนังเรื่องแรกที่ได้ดูในโรงภาพยนตร์ในปี 2024 คือหนังเรื่อง GHOST BOOK (2022, Takashi Yamazaki, Japan, 113min, A+25) ที่โรง House  Samyan รอบ 12.10 ของวันที่ 1 Jan 2024 ซึ่งมีเราดูคนเดียวในโรง กรี๊ดดดด
---
วันพุธที่ผ่านมา เป็นวันที่เราล้มป่วยด้วยอาหารเป็นพิษ ยอดการใช้โทรศัพท์มือถือของเราในวันนั้น เลยลดฮวบเป็นประวัติการณ์
---
YOU & ME & ME ติดอันดับ 7, KITTY THE KILLER ติดอันดับ 12, SOLIDS BY THE SEASHORE ติดอันดับ 19

https://asianmoviepulse.com/2023/12/the-30-best-asean-movies-of-2023/2/
---
หนึ่งในความสุขที่สุดในชีวิตของแม่หมี ก็คือการได้นอนจำศีลกับลูกหมีในฤดูหนาว
---
TRIPLE BILL FILM WISH LIST

1.SOLIDS BY THE SEASHORE (2023, Patiparn Boontarig, A+30)

2.THE PHYSICAL REALM ภูมิกายา (2023, Sompot Chidgasornpongse, A+30)

3.THE CITY BELOW (2010, Christoph Hochhausler, Germany, A+30)

รู้สึกว่าหนัง 3 เรื่องนี้มันเหมาะจะฉายควบกัน เพราะเหมือนมันนำเอา "สิ่งปลูกสร้าง" มาเป็นตัวละครสำคัญในหนังทั้ง 3  เรื่อง และใช้ "สิ่งปลูกสร้าง" มาสะท้อนความสัมพันธ์ของมนุษย์, โครงสร้างอำนาจในสังคม, ปัญหาการเมือง เหมือนกัน โดยใน SOLIDS BY THE SEASHORE นั้น ตัวเขื่อนหินกั้นคลื่น อาจจะสะท้อนความพยายามที่ล้มเหลวของมนุษย์ในการฝืนธรรมชาติ และอาจจะสะท้อนความสัมพันธ์และปัญหาของตัวละครหลัก อย่างที่เพื่อน ๆ หลายคนเขียนถึงไปแล้ว

ส่วนใน THE PHYSICAL REALM นั้น หนังมีการพูดถึง "เมือง", การขยายเมือง, เสียงที่ถูกกดทับในเมือง, ผู้อพยพ, การที่คนไทยไม่อยากมีลูก และอยากย้ายประเทศ etc. และเล่าเรื่องตัวละครพระเอกที่น่าจะเป็น office syndrome ซึ่งดูเหมือนการแพทย์แผนปัจจุบันอาจจะช่วยเขาได้ไม่มากนัก เขาก็เลยหันไปใช้ไสยาศาสตร์ช่วย เพราะอาการ office syndrome ของเขาอาจจะเกิดจากมีผีมาขี่คอเขาอยู่

เหมือน THE PHYSICAL REALM มี 3 ส่วนสำคัญในหนัง นั่นก็คือส่วนที่พูดถึง "เมือง/การเมือง", ส่วนที่พูดถึงชีวิตพระเอก และส่วนที่พูดถึงชีวิตของนักวิชาการสาว ที่ตัวละครทั้งสองต่างก็หมกมุ่นกับการตั้งชื่อลูกเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงที่คนนึงหมกมุ่นกับการตั้งชื่อ "ลูกที่ตายไปแล้ว" โดยพยายามให้ชื่อมีความยึดโยงกับ "เทพ" ส่วนอีกคนพยานามตั้งชื่อ "ลูกที่กำลังจะเกิดในอนาคต"

เราว่าหนังคงจงใจให้แต่ละส่วนในหนังสะท้อนอะไรบางอย่างซึ่งกันและกัน โดยที่ "ความเป็นเมือง" ดูเหมือนมีความเป็นสัญลักษณ์ส่องสะท้อนอะไรบางอย่างทั้งในชีวิตตัวละคร และปัญหาสังคมในวงกว้างด้วย หนังเรื่องนี้ก็เลยทำให้เรานึกถึง SOLIDS BY THE SEASHORE ในแง่การใช้ symbols แบบนี้

ส่วน THE CITY BELOW นั้น ก็ใช้ "เมือง" เป็น symbol และเป็นตัวละครสำคัญเหมือนกัน โดย "เมือง" ในหนัง เหมือนสะท้อนปัญหา capitalism และโครงสร้างอำนาจทางการเงิน และล้อไปกับปัญหารักสามเส้าของตัวละครในหนังด้วย

ก็เลยรู้สึกว่า อยากให้มีนักวิจารณ์เขียนเปรียบเทียบหนัง 3 เรื่องนี้มาก ๆ ค่ะ 555

รูปจาก THE PHYSICAL REALM

---
Film Wish List: OBSCURE NIGHT – GOODBYE HERE, ANYWHERE (2023, Sylvain George, Switzerland/France, documentary, 183min)

หนังสารคดีเกี่ยวกับ “เมลิยา” ซึ่งเป็นดินแดนของสเปนที่ตั้งอยู่ในประเทศโมร็อกโกในทวีปแอฟริกา เพราะฉะนั้นมันก็เลยเป็นดินแดนเดียวของทวีปยุโรปที่มีพรมแดนทางบกติดกับทวีปแอฟริกา และก็เลยเป็นดินแดนที่มีปัญหาเรื่องผู้อพยพสูงมาก

Sylvain George เป็นหนึ่งในผู้กำกับที่น่าสนใจที่สุดในยุคนี้ แต่เรายังไม่เคยดูหนังของเขาเลย

ก่อนหน้านี้เราเคยดูหนังเกี่ยวกับ Melilla มาแล้ว ซึ่งก็คือหนังเรื่อง THIS SIDE OF THE WORLD (2020, David Trueba, Spain, A+30)

ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด มินิซีรีส์เรื่อง RING OF SCORPIO (1991, Ian Barry, Australia, 189min, A+25) ที่เคยมาฉายทางช่อง 3 ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Melilla เหมือนกัน เหมือนมินิซีรีส์เรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงสาว 3 คนที่ถูกหนุ่มหล่อคนนึงหลอกให้ไปติดคุกใน Morocco หญิงสาว 3 คนนี้ก็เลยวางแผนแก้แค้นหนุ่มหล่อคนนี้

---
จริง ๆ แล้วชอบอาวุธของ “ยูคิโนะ” (Akie Yoshizawa) ใน “สิงห์สาวนักสืบ ปีสอง” มาก ๆ เพราะเธอใช้ “ปลอมหุ้มนิ้วมือเวลาดีดโกโตะ” เป็นอาวุธในการต่อสู้แบบประชิดตัว และใช้ “ผ้าอะไรสักอย่าง” เป็นอาวุธในการต่อสู้ระยะไกล อยากให้มีคนผลิตอาวุธแบบนี้ออกมาใช้จริง ๆ 5555 อยากเป็นนายทุนสร้างโรงงานผลิตสิ่งของต่าง ๆ ที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ด้วย แบบผ้าพันคอสวย ๆ หรือผ้าเช็ดหน้าสวย ๆ ที่มี function สามารถเขวี้ยงออกไปเป็นอาวุธแบบยูคิโนะได้
---
ขอยกให้ "นขสิทธิ์ พะนิรัมย์" เป็น one of my most favorite directors ประจำปีนี้เลย เคียงคู่มากับ Justine Triet (AGE OF PANIC ,VICTORIA, ANATOMY OF A FALL),  เปรมวงศ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต (L'ESSENTIEL, ASLEEP), Rosine Mfetgo Mbakam จาก Cameroon (CHEZ JOLIE COIFFURE, DELPHINE'S PRAYERS), Keisuke Yoshida (INTOLERANCE, BLUE) และ Celine Devaux (SUNDAY LUNCH, GROS CHAGRIN, EVERYBODY LOVES JEANNE)

ปีนี้เราได้ดูภาพยนตร์ที่กำกับโดยคุณนขสิทธิ์ 3 เรื่อง ซึ่งได้แก่ THE STUNTMAN คนดีเดือด, กลางป่า และ ริมทาง ซึ่งเราชอบมาก ๆ ทั้ง 3 เรื่อง โดยทั้ง 3 เรื่อง เป็นภาพยนตร์แนว "บู๊/แอคชั่น/thriller ที่มีผู้หญิงร่วมบู๊ด้วย" มันก็เลยเข้าทางเราอย่างสุด ๆ

ภาพจาก "กลางป่า"

--
PRENOM CARMEN ของ  Godard นี่ถือเป็นการดัดแปลง CARMEN ที่ไปสุดทางมาก ๆ (แน่นอนว่าเราชอบ CARMEN เวอร์ชั่นนี้มากกว่า version ของ Francesco Rosi และของ Mark Dornford-May จากแอฟริกาใต้) บทความของคุณมโนธรรม เทียมเทียบรัตน์ ที่เขียนถึง PRENOM CARMEN (ในหนังสือ ฝ่าไฟแดง) ก็ถือเป็นหนึ่งในงานวิจารณ์ภาพยนตร์ที่เราชื่นชอบมากที่สุดเช่นกัน

เราเคยดู PRENOM CARMEN ไปแล้ว 3 รอบที่ Alliance แต่ก็ยังไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น 555

Film Wish List: THE ADULTS (2023, Dustin Guy Defa)

รายงานผลประกอบการประจำ Saturday, 23 Dec, 2023

1.LANNA ANNAL ANNEX 2023, Sudaporn Teja, videp installation, 17min, A+30)

At Gallery Ver, Project Room

2.the exhibition UNDERGROUND by Mit Jai Inn at Gallery Ver

3. the exhibition ALL UNDER HEAVEN by Ariana Chaivaranon at Cartel Artspace

4. the exhibition MUSEUM 2032 by Charinthorn Rachuratchata at VS Gallery

5. the exhibition TANGLE by Iron Noodle at VS Gallery

6. LA CHIMERA (2023, Alice Rohrwacher, Italy, A+30)

ดูที่ DOC CLUB รอบ 13.30

7.VICTORIA (2016, Justine Triet, France, A+30)

ดูที่ Alliance Francaise รอบ 16.30

อีนัง Alliance ทำพิษอีกแล้ว เพราะคราวนี้ subtitle ภาษาอังกฤษที่ควรจะขึ้นมา 2 บรรทัดในหลาย ๆ ฉาก ดันขึ้นมาแค่บรรทัดเดียว  เจ้าหน้าที่ที่ฉายหนังก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เราก็เลยต้องเดาบทสนทนาเอาเองในหลาย ๆ ฉาก ซึ่งเราก็ดูหนังรู้เรื่องนะ แต่ก็อาจจะได้รับอรรถรสจากหนังน้อยกว่าที่ควร

ดู VICTORIA แล้วก็รู้สึกว่า มันเหมือนเป็นหนังที่เชื่อมระหว่าง ANATOMY OF A FALL (2023, Justine Triet, A+30) กับ AGE OF PANIC (2013, Justine Triet, A+30)  จริง ๆ เพราะใน VICTORIA มีทั้งประเด็นเรื่องการขึ้นโรงขึ้นศาล, บทบาทสำคัญของหมา และปัญหาที่เกิดจากนักเขียนแนว autofiction (แต่งนิยายกึ่งอัตชีวประวัติ) เหมือน ANATOMY OF A FALL และก็มีเรื่องราวแบบอดีตผัวเมียละเหี่ยใจเหมือนใน AGE OF PANIC ด้วย

8.the exhibition  DOGMA YARD by Sornchai Phongsa at Alliance

9.DUNKI (2023, Rajkumar Hirani, India, 160min, F )

ดูที่ EmQuartier รอบ 19.00

ไม่สามารถทนความโง่ของตัวละครในหนังเรื่องนี้ได้อีกต่อไป นึกไม่ถึงว่าผู้กำกับ 3 IDIOTS (2009) และ PK (2014) จะตกต่ำได้ขนาดนี้
----
DUNKIE (2023, Rajkumar Hirani, India, 160min, F)  นึกไม่ถึงว่าผู้กำกับ 3 IDIOTS (2009) และ PK (2014) จะตกต่ำได้ขนาดนี้ นึกถึงความผิดหวังที่เราเคยมีกับ Farah Khan เพราะเราชอบ OM SHANTI OM (2007, Farah Khan ) มาก ๆ แต่ผิดหวังกับ TEES MAAR KHAN (2010, Farah Khan) อย่างรุนแรงมากเช่นกัน ทำไมวงการหนังเมนสตรีมอินเดียมันเป็นแบบนี้คะ
---
LANNA ANNAL ANNEX (2023, Sudaporn Teja, video installation, 17min, A+30)

วิดีโอสัมภาษณ์ช่างทำผมจากภาคเหนือ ดีใจที่ได้ยินชื่อ Mary Quant กับ นิรันดร์รัตน์ ธรรมรัตน์ ในวิดีโอนี้
----

Film Wish List: THE BEAST IN THE JUNGLE (2023, Patric Chiha, France) ดัดแปลงจากนิยายของ Henry James
---
FAVORITE SIBLINGS

พี่ชายกับน้องสาวใน "เมืองในหมอก" (1978, Permpol Choeiaroon)

แต่ถ้ารวมละครทีวีด้วย ก็ต้องเป็น ไอลดา (จามจุรี เชิดโฉม) กับ เวฬุรีย์ (นิสา วงศ์วัฒน์) ใน "เพลิงพ่าย" (1990)

---
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด อ.ปิยะบุตรเขียนถึง LA CHINOISE (1967, Jean-Luc Godard) งดงามที่สุด อ่านเต็ม ๆ ได้ใน X

อยากให้มีคนจัดฉาย LA CHINOISE ,  SACCO & VANZETTI (1971, Giuliano Montaldo, Italy), ROSA LUXEMBURG (1986, Margarethe von Trotta, West Germany) และ LOUISE MICHEL (2009, Solveig Anspach, France) ควบกันมาก ๆ และจัดงานเสวนา เชิญนักวิชาการมาพูดคุยให้ความรู้ต่อผู้ชมหลังการจัดฉายหนัง 4 เรื่องนี้ เหมือนกับตอนที่  Reading Room ในกรุงเทพเคยจัดฉาย LA COMMUNE (PARIS, 1871) (2000, Peter Watkins, 5 hrs 45mins) แล้วเชิญนักวิชาการมาปะทะกันอย่างรุนแรงหลังหนังฉาย

จริง ๆ แล้วเราเคยดู LA CHINOISE ไปแล้ว 3 รอบในรูปแบบฟิล์มภาพยนตร์ที่สมาคมฝรั่งเศส สมัยอยู่ที่ถนนสาทรใต้นะ เพราะสมาคมฝรั่งเศสชอบเอา LA CHINOISE มาฉายบ่อยมาก ๆ แต่เราก็อยากดูเป็นรอบที่ 4 ถ้าหากมีงานเสวนาด้วย
---

พอดูหนังเรื่อง PRECURE ALL STARS F แล้วก็ทำให้เราพยายามรำลึกความทรงจำว่า ละครทีวีแนว magical girl ที่เราติดตามดูเรื่องแรกในชีวิต คือเรื่องอะไร ซึ่งก็คือเรื่องนี้ LULU, THE FLOWER ANGEL (1979-1980, Hiroshi Shidara, 50 episodes) ซึ่งเราเองก็อยากมีเวลาดูอีกรอบมาก ๆ เพราะยุคนั้นเราดูละครเรื่องนี้จาก "ทีวีขาวดำ" น่ะ บ้านเราเพิ่งซื้อทีวีสีในปี 1986 ตอนที่เรากำลังจะจบชั้นม.1 แล้ว เพราะฉะนั้นละครเรื่องนี้และละครทีวีเรื่องอื่น ๆ ที่เราเคยดูก่อนปี 1986 เราก็เลยดูในแบบภาพขาวดำมาโดยตลอด แล้วพอเราได้มาเห็นสีสันของละครเรื่องนี้จากรูปใน internet เราก็เลยสงสัยว่า มันจะสวยสักแค่ไหนกันนะ ถ้าหากเราได้ดูละครเรื่องนี้ทางทีวีสี

---
เราชอบ A GENTLE TWELVE (1991, Shun Nakahara) อย่างสุด ๆ แต่เรายังไม่เคยดู 12 ANGRY MEN (1957, Sidney Lumet) นะ เราได้ดู A GENTLE TWELVE ที่โรงภาพยนตร์ในเซ็นทรัล ลาดพร้าวในวันที่ 22 ม.ค. 2003 หรือเมื่อเกือบ 21 ปีมาแล้ว โดยเป็นการจัดฉายในเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นในกรุงเทพ โดยในเทศกาลปีนั้นมีการฉายหนังเรื่อง THE ELEGANT LIFE OF MR. EVERYMAN (1963, Kihachi Okamoto) และ LEAVE IT TO THE NURSES (2002, Kazuyuki Morosawa) ที่โรงหนังในเซ็นทรัล ลาดพร้าวด้วย
---
นึกว่า "ธี่หยด ภาค 2" เนื้อเรื่องย้ายไปเกิดในสวนกล้วย ผีธี่หยดปะทะนางตานีที่คุ้มครองเจ้าของสวนกล้วยอยู่ (ภาพจากคุณ GooZaa Noof, Prod Dpro และ Vrp Chayklang ในกลุ่ม AI CREATIVES THAILAND)
---
เห็นบอกว่าละครทีวี animation เรื่อง PRETTY CURE ออกอากาศไปแล้ว 850 ตอน แสดงว่าถ้าหากเราดูวันละตอน ก็ต้องใช้เวลา 2 ปีกว่า ๆ ถึงจะดูจบ 555

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราขอจองเป็น PRETTY CURE MACARON เอาไว้ก่อน 555
---
TRIPLE BILL FILM WISH LIST

1.NEON GHOST (2023, Kay Walkowiak, A+30)

2. BLUE TERRITORY (2023, Teerawat Mulvilai, A+30)

3. THE LAST OF ENGLAND (1987, Derek Jarman, UK, A+30)


เหมือนหนังทั้ง 3 เรื่องนี้นำเสนอภาพความตกต่ำและความเปลี่ยนแปลงของประเทศชาติด้วยกลวิธีที่น่านำมาเปรียบเทียบกัน
---
IMAGINARY FILM: 4 KINGS VS. PRETTY CURE

เมื่อวันจันทร์ดู 4 KINGS 2 (2023, Putthipong Naktong, A+25) ซึ่งเป็นหนังที่ดู macho มาก ๆ ๆ แล้ววันอังคารเราก็ได้ดู PRECURE ALL STARS F (2023, Yuta Tanaka, Japan, animation, A+) ซึ่งเป็นหนังที่ดูบ้องแบ๊วมาก ๆ คิกขุมาก ๆ หนักกว่า BARBIE หลายสิบเท่า เหมือนมันคือขั้วตรงข้ามของ 4 KINGS 2 เราก็เลยจินตนาการเล่น ๆ ว่า อยากให้มีศิลปินสักคน merge หนังสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน มันจะได้เกิดพลังหยินหยางที่สมดุลกัน 555 

No comments: