Film Wish List: A LITTLE LOVE PACKAGE (2022, Gastón
Solnicki, Austria/Argentina, 81min)
+++
ถ้าตัวละคร “เด็ก” ที่ชอบที่สุดในชีวิต ก็คงเป็น
Suzu Aizawa (Yumi Adachi) จากละครทีวีเรื่อง “บาปกตัญญู” (HOMELESS
CHILD) หรือ IE NAKI KO (1994-1995, Japan, 25 episodes) แต่ถ้าหากเป็น “หนังเกี่ยวกับเด็ก” ที่เราชอบที่สุดในชีวิต ก็คือเรื่อง MUSASHINO
HIGH VOLTAGE TOWERS (1997, Naoki Nagao, Japan, 118min)
+++
I GO WHERE IT GOES (2023, Jakkrapan Sriwichai, video
installation, 20min, A+30)
ฉันไปที่มันไป
1.เป็นงาน video installation ที่ชั้น 7 BACC โดยเป็นส่วนหนึ่งของงาน INVISIBLE
TRAIN “รถไฟล่องหน” ของคุณ Jakkrapan โดยในงานมี
video 5 ชิ้น แต่วันนี้เราเพิ่งมีเวลายืนดูจนจบแค่ 2 ชิ้น เราก็เลยยังไม่สามารถสรุปความเห็นอะไรได้
แต่มาบันทึกไว้ก่อนว่า วันนี้เราได้ยืนดูจนจบ 2 ชิ้นแล้วนะ 555
2.อีกชิ้นที่เราได้ดูในวันนี้คือ ON ITS
WAY (2023, Jakkrapan Sriwichai, video installation, 33min,
A+30) ซึ่งถ้าหากเทียบกันระหว่าง 2 ชิ้นนี้แล้ว เราก็ชอบ I
GO WHERE IT GOES มากกว่านะ เพราะ I GO WHERE IT GOES มีลูกเล่นเยอะกว่า อย่างเช่น
2.1 การทำภาพสั่นไหวเป็นระยะ ๆ จนภาพออกมาดูคล้ายเป็นงานจิตรกรรม
Impressionist
2.2 เสียง voiceover ใน I
GO WHERE IT GOES ก็ฮากว่า ที่บอกให้ผู้โดยสาร “มีความกังวล” ก่อนก้าวลงจากรถไฟล่องหน
หรืออะไรทำนองนี้ 5555
3.เส้นทางรถไฟของ I GO WHERE IT GOES ก็ดูน่าสนใจกว่าด้วยแหละ เพราะเหมือนมันแล่นผ่านสถานที่ที่ exotic กว่าใน ON ITS WAY ในสายตาคนกรุงเทพอย่างเรา
เพราะเราได้เห็นทั้งกำแพงเมืองเก่าของเชียงใหม่ และภูเขาในเส้นทางรถไฟสายนี้
ส่วนเส้นทางรถไฟใน ON ITS WAY นั้น มันเต็มไปด้วยอาคารตึกรามบ้านช่องในเชียงใหม่ที่ดูแล้วคล้ายกับในกรุงเทพมาก
ๆ
4.เนื้อหาใน I GO WHERE IT GOES มี “จุดไคลแมกซ์” เหมือนในภาพยนตร์ด้วย 55555 ซึ่งก็คือฉากที่ศิลปินปะทะกับรปภ.สนามบิน
ฉากนี้ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง “สัตว์วิบากหนักโลก” (2004, Phaisit
Phanphruksachat, A+30) มาก ๆ เพราะในหนังเรื่อง “สัตว์วิบากหนักโลก”
ก็มีฉากที่ผู้กำกับไปถ่ายหนังในสถานีขนส่งหรืออะไรสักอย่าง แล้วก็ต้องปะทะกับรปภ.มั้ง
เขาก็เลยแอบถ่ายฉากการปะทะกันนี้มาด้วย แล้วก็เอามาใส่ในหนังด้วยเลย
ถ้าหากเราจำไม่ผิดนะ ใครจำรายละเอียดได้ก็มาเสริมใน comment ได้นะ
ส่วนใน ON ITS WAY นั้น
มันไม่มี “ฉาก climax” แรง ๆ แบบนี้
ON ITS WAY (2023, Jakkrapan Sriwichai, video
installation, 33min, A+30)
ทางของมัน
1.เนื่องจากเราไม่ได้ไปเชียงใหม่มานาน 20 กว่าปีแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่เราไปเชียงใหม่คือปี 2002 เราก็เลยถือโอกาสยืนดูวิดีโอนี้แบบเต็มๆ
ไปเลย เพื่อชดเชยการที่เราไม่ได้ไปเชียงใหม่ 55555
2.แล้วเราก็พบว่าอาคารบ้านเรือนในเชียงใหม่
ในเส้นทางรถไฟล่องหนเส้นนี้ มันแทบไม่ได้แตกต่างไปจากอาคารบ้านเรือนในกรุงเทพเลย เพียงแต่ผู้คนในเชียงใหม่ในวิดีโอนี้ดูบางตากว่าในกรุงเทพ
3.เนื่องจากเราได้ดูงาน video
installation ในชุดนี้ไปแค่ 2 ชิ้นจาก 5 ชิ้น เราก็เลยยังไม่สามารถแสดงความเห็นอะไรอย่างแท้จริงได้
แต่ตอนนี้เราแอบสงสัยว่า ตกลง video ชุดนี้สนับสนุนหรือต่อต้านการสร้างรถไฟฟ้ากันแน่นะ
555 เพราะเราเองก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย
ไม่รู้เหมือนกันว่าการสร้างรถไฟฟ้าในเชียงใหม่มันจะก่อให้เกิดผลดีหรือผลเสียอะไรบ้าง
แต่ถ้าหากเราไม่ได้ดูวิดีโอชุดนี้มาก่อน เราก็คงไม่รู้ว่ามันเคยมีโครงการจะสร้างรถไฟฟ้าในเชียงใหม่ด้วย
4.สาเหตุที่เราแอบสงสัยว่า การสร้างรถไฟฟ้าในเชียงใหม่มันอาจจะมีข้อดีอยู่บ้าง
เพราะเรารู้สึกว่า “ฉากสำคัญ” หรือ “ฉาก climax” สำหรับเรา
ใน ON ITS WAY มันคือ “ฉากรถติดไฟแดงเป็นเวลานานที่จุดนึง”
น่ะ แต่เราไม่ได้จับเวลาตรงจุดนั้นนะว่า มันติดไฟแดงนานเท่าไหร่
คือเหมือนใน ON ITS WAY นั้น
ตัวรถไฟล่องหน มันจะ “ติดไฟแดง” เป็นระยะ ๆ น่ะ ซึ่งมันติดไฟแดงที่จุดนึงเป็นเวลานานมาก
(ในความรู้สึกของคนที่ยืนดูวิดีโอ 555) และหลังจากนั้นมันก็ติดไฟแดงอีกเป็นระยะ ๆ เราก็เลยลองจับเวลาตอนช่วงติดไฟแดงดู
แต่เราก็พบว่าการติดไฟแดงในช่วงหลัง ๆ มันจะกินเวลาสั้นมาก
เหมือนแต่ละจุดกินเวลาไม่เกิน 30 วินาทีน่ะ ยกเว้นจุดแรกที่มันกินเวลานานมาก
ซึ่งเราเข้าใจว่า ถ้าหากมันมีการสร้างรถไฟฟ้าขึ้นมาจริง
ๆ ตัวรถไฟฟ้านี้มันก็จะช่วยให้ผู้โดยสารไม่ต้องติดไฟแดงเป็นเวลานาน
5.ดู ON ITS WAY แล้วทำให้นึกถึงภาพยนตร์ไทยอีก
2 เรื่องที่เราชอบสุดขีดด้วย ซึ่งก็คือ
5.1 THE RAPE
OF BANGKOK ข่มขืนกรุงเทพ (2011,
Wachara Kanha, Teeranit Siangsanoh, 90min) ที่ถ่ายวิวบนรถไฟฟ้าในกรุงเทพเป็นเวลานานมาก
ๆ
5.2 โมงยามที่งามที่สุด THE MOST BEAUTIFUL
TIME (2014, Teeraphan Ngowjeenanan, 30min, A+30) ที่บันทึกสภาพรถติดในลาดพร้าว ถ้าหากเราจำไม่ผิด
No comments:
Post a Comment