Films seen in the second week of 2024
8-14 JAN 2024
In roughly preferential order
1.THE MISSION (2023, Amanda McBaine, Jesse Moss, USA,
documentary, A+30)
2.THE MONEY ORDER (1968, Ousmane Sembene, Senegal, A+30)
3.THE BOY AND THE HERON (2023, Hayao Miyazaki, Japan,
animation, A+30)
4.AN EIDOLON ชวนะจิต (2022, Jaruphon
Charoenpichet, 10min, A+30)
ชอบหนังแบบนี้อย่างสุดขีด เหมือนเป็นหนังที่สร้างความรู้สึกที่ทรงพลังกับเรามาก
ๆ โดยที่เราไม่เข้าใจอะไรมันเลย
5.NEXT GOAL WINS (2023, Taika Waititi, A+30)
ชอบมาก ๆ ที่มันเหมือนเน้นย้ำประเพณีความเป็น oral
history ของชาวซามัวตั้งแต่ฉากแรกของหนัง และพอช่วงท้ายของหนัง
มันก็เล่นกับประเพณี oral history ของชาวซามัวอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก
ชอบฉากจบ ending credit ของหนังมาก
ๆ เลยด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วฉากนั้นมันล้มเหลวในแง่ความตลก เพราะมันเป็นตลกที่ฝืดมาก
ๆ ดูแล้วไม่หัวเราะเลย แต่เราชอบฉากนี้มาก ๆ เพราะว่า
5.1 มันล้อเลียน “คำคม” ที่มักพบในหนังทั่วไป
คำคมแบบให้กำลังใจ ว่าคุณต้องมีศรัทธา แต่คุณมีศรัทธาแค่ไหน คุณก็เดินบนน้ำไม่ได้
5.2 รู้สึกว่าในแง่นึง ฉากนั้นมันคือการเทียบเคียงนักฟุตบอลกลุ่มนี้
ในลักษณะเดียวกับนักบุญในตำนานทางศาสนา เหมือนกับว่านักฟุตบอลกลุ่มนี้จะกลายเป็น “เรื่องเล่า”
ที่ถูกเล่าสืบต่อ ๆ กันไปอีกนานในภายหลัง แล้วมันก็เลยทำให้เกิดคำถามตามมาโดยที่หนังอาจจะไม่ได้ตั้งใจว่า
แล้ว “เรื่องเล่าทางศาสนา” ที่ถูกเล่าสืบต่อ ๆ กันมาหลายพันปีนั้น จริง ๆ แล้วมันจริงแค่ไหน
ศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน ปาฏิหาริย์ที่คนยกย่องกันนั้น มันมาจากเหตุการณ์จริงอะไร
6.COME FROM AWAY กลับบ้าน (2023,
Piyanat Lamor, 21min, A+30)
ดีใจสุดขีดมาก ๆ ที่ถึงแม้ว่าในปี 2023
ที่ผ่านมา Viriyaporn Boonprasert ไม่ได้มีหนังใหม่ออกมา แต่เราก็มีหนังของ
Warat Bureephakdee และหนังเรื่องนี้ของคุณ Piyanat
Lamor ที่เหมือนเป็นทายาทอสูรของ Viriyaporn Boonprasert
55555
7.DIARY OF A FLEETING AFFAIR (2022, Emmanuel Mouret, France,
A+30)
8.ANALOGOUS COLOR (2023, Kawin Thongpibul, queer film,
29min, A+30)
9.SURCURITY รักษาความปลอดภัย (2020,
Ratchata Sathongtean, 7min, A+30)
ชอบสุด ๆ ที่หนังทั้งเรื่องมีแค่ซีนเดียว
แต่นำเสนอปัญหาได้เยอะมาก ทั้งปัญหาเรื่องการรังแกทหารเกณฑ์, การโกงเงินของทหาร, การเอาทหารไปเป็น
IO และการสังหารหมู่ 31 ศพที่จังหวัดนครราชสีมา
เหมือนคนคิดซีนแบบนี้ได้นี่เขียนบทเก่งสุด ๆ
คิดว่าจริง ๆ แล้วเหมือนหนังทั้งเรื่องสามารถถ่ายเป็น
long take ได้เลยนะ
10.157,000 WA (2023, Praewalai Chaivisan, 30min, A+30)
เป็นหนังที่เน้นถ่าย “แสงอาทิตย์ยามเย็น” เกือบตลอดทั้งเรื่องเลย
55555
11.I GO WHERE IT GOES (2023, Jakkrapan Sriwichai, video
installation, 20min, A+30)
12.ON ITS WAY (2023, Jakkrapan Sriwichai, video
installation, 33min, A+30)
13.BORDERLAND TALE (2023, Nontawat Machai, 11min, A+25)
ชอบประเด็นที่หนังเรื่องนี้พูดถึง เรื่องชาวเมียนมาที่ถูกยิงตายตรงแม่น้ำที่คั่นระหว่างประเทศไทยกับเมียนมา
ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด เพราะจริง ๆ แล้วเราเองก็ไม่เคยเห็นข่าวนี้ผ่านหูผ่านตามาก่อน
และหนังเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่เคยพูดถึงประเด็นนี้เลย
แต่พอ “วิธีการนำเสนอ” ของหนังเรื่องนี้
ออกมาเป็นบทกวี และการแสดงแนว ๆ physical theater (ไม่รู้ใช่หรือเปล่า)
มันก็เลยเหมือนสร้างระยะห่างระหว่างเรากับ “ความเจ็บปวดของสิ่งที่เกิดขึ้น”
คือถ้าหากมันมีการใส่ footage ข่าวจริงหรือภาพจากเหตุการณ์จริงหรือผู้อพยพจริงแทรกเข้ามาด้วยบ้าง
เราก็อาจจะจูนติดกับความเจ็บปวดของสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากกว่านี้
เพราะเหมือนเราเองก็ไม่เคยเห็นข่าวนี้มาก่อน
เหมือนปัญหาที่เรามีกับหนังเรื่องนี้คล้ายกับปัญหาที่เรามีกับหนังเรื่อง
IRON BUTTERFLIES (2023, Roman Liubyi, Ukraine/Germany, documentary,
A+25) ที่นำเสนอเหตุการณ์ที่เครื่องบินถูกยิงตกในยูเครน
แต่นำเสนอออกมาในแบบที่เป็นกวีมาก ๆ เหมือนกัน
ซึ่งจริง ๆ แล้วปกติเราชอบหนังแนวกวี ๆ นะ
แต่ก็มีหนังกวี/การเมืองบางเรื่อง ที่พอเราดูแค่รอบเดียว แล้วเหมือนสมองของเรา
มันไม่สามารถซึมซับความงามหรือพลังของ “บทกวี” ในหนังได้ภายในการดูรอบแรกน่ะ
มันเหมือนเป็นสิ่งที่เราต้องใช้เวลาในการปรับจูนอยู่เหมือนกัน
14.OUT ออก (2022, Amata, 6min, A+25)
เป็นหนังที่ตัดสลับภาพจาก found footage ผู้คนที่นั่งอยู่ริมท้องถนนในกรุงปารีสมั้ง เมื่อราว 100 ปีก่อน
แล้วก็ตัดสลับกับภาพโถฉี่ในบาร์เหล้าแห่งหนึ่งในไทย กับภาพฝรั่งเดินตามท้องถนนในแหล่งท่องเที่ยวในไทย
มีการพูดถึงอะไรเกย์ ๆ ในห้องน้ำด้วย ดูแล้วงงมาก ๆ ว่า
หนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่อถึงอะไร 55555
15.WILL อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด (2021, Warat
Bureephakdee, 12min, A+25)
แอบสงสัยว่ามันเป็นหนังที่ทำภายใต้ “โจทย์” อะไรหรือเปล่า
หรือทำเพื่อส่งอาจารย์ในวิชาอะไรสักอย่างหรือเปล่า 55555 เพราะดูแล้วก็สนุกดี
แต่จะสงสัยจุดประสงค์ของหนังว่า ทำขึ้นมาเพื่ออะไร จะว่ามันเสียดสีการเมือง มันก็อาจจะไม่ใช่
แต่ถือได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนัง narrative
fiction ที่เล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมาเพียงไม่กี่เรื่องของคุณ Warat
ที่เราได้ดู เพราะหนังเรื่องอื่น ๆ ของคุณ Warat ที่เราได้ดูนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะออกมาเป็นหนังทดลอง + essay film มากกว่า
16.FUCK AROUND AND FIND OUT เดี๋ยวมึงจะโดนดี
(2023, Naruepol Srimeung, 24min, A+)
ชอบช่วงแรก ๆ ของหนังที่เป็นหนังเกย์สยองขวัญ
แต่พอผีปรากฏตัวแล้วมันเริ่มเป็นหนังตลก เราก็จะเฉย ๆ เพราะเราไม่ค่อยอินกับหนังตลก
สรุปว่าใน 2 สัปดาห์แรกของปี เราดูหนังไปแล้ว
21+16 = 37 เรื่อง
No comments:
Post a Comment