Thursday, April 23, 2015

BELLEVILLE BABY (2013, Mia Engberg, Sweden, documentary, A+15)

BELLEVILLE BABY (2013, Mia Engberg, Sweden, documentary, A+15)

หนังเหมือนเป็นภาคต่อของหนังสองเรื่องที่เราชอบสุดๆ ซึ่งก็คือเรื่อง RIGHT NOW (2004, Benoît Jacquot) กับ FIRST LOVE (2006, Yukinari Hanawa) โดย RIGHT NOW กับ FIRST LOVE มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงสาวในทศวรรษ 1960-1970 ที่หลงรักอาชญากรหนุ่มหล่ออย่างหัวปักหัวปำ และเธอก็เลยเข้าไปพัวพันกับอาชญากรรมในยุคนั้นด้วย ก่อนที่จะถอนตัวในเวลาต่อมา เพราะพวกเธอไม่ใช่อาชญากรโดยสันดาน พวกเธอทำไปก็เพียงเพราะความรักเท่านั้นเอง

RIGHT NOW สร้างจากเรื่องจริงด้วย และพอเราดูหนังอย่าง RIGHT NOW กับ FIRST LOVE แล้ว เราก็จะสงสัยว่า ชีวิตนางเอกของหนังสองเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรกันนะหลังจากพวกเธอแยกทางจากคนรัก, กลับเข้ามาอยู่ในโลกของชนชั้นกลาง และใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆต่อไปอีกสัก 10-20 ปี และก็ดูเหมือนว่า BELLEVILLE BABY จะตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเราตรงจุดนี้ เพราะ BELLEVILLE BABY เป็นสารคดีเกี่ยวกับหญิงคนหนึ่งที่รำลึกถึงอดีตของตนเองในวัยสาว อดีตที่ได้เริงรักกับชายหนุ่มหัวขบถ/อาชญากรคนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหายไปจากชีวิตของเธอโดยไม่ทราบสาเหตุ และกลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไป 10 ปี โดยเขาให้เหตุผลว่าเขาหายไปเพราะติดคุกในฝรั่งเศส การที่เขากลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้งทำให้ทั้งเธอและเขาได้ย้อนรำลึกความหลังกัน แต่เป็นความหลังที่ทั้งคู่จดจำได้ในแบบที่ไม่เหมือนกัน

จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้เป็น “สไตล์” หนังแนวที่เราชอบสุดๆเลยนะ นั่นก็คือเป็นหนังกึ่งทดลอง/เชิงกวีน่ะ เพราะในหนังเรื่องนี้เราจะได้ฟังเสียงของคนทั้งคู่คุยกัน หรือเสียงของนางเอกรำลึกความหลังและเล่าเรื่องต่างๆ แต่เราจะได้เห็นภาพสิ่งละอันพันละน้อยที่อาจจะไม่ได้ช่วยเล่าเรื่องแบบ 100% เต็ม คือเราว่าหนังเรื่องนี้มีองค์ประกอบที่ทำให้นึกถึงหนังของ Marguerite Duras, Chantal Akerman, Alain Resnais และพวกหนังของแก๊ง Anna Sanders อะไรทำนองนี้

อย่างไรก็ดี เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้ส่งพลังเชิงกวีต่อเราอย่างสุดๆนะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะตัวผู้กำกับ/นางเอก ไม่ได้มี passion อะไรกับคนรักเก่ามากนักก็เป็นได้ คือเรารู้สึกว่าความรักที่นางเอกเคยมีกับคนรักเก่า มันเหมือนมอดดับไปแล้วน่ะ มันเหมือนๆว่าจะจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันก็จุดไม่ติด มันชืดชาไปแล้ว และพอตัวผู้หญิงมันไม่ได้ “คลั่งรัก” แบบในอดีตอีกแล้ว พลังของหนังก็เลยอาจจะลดลงตามไปด้วย

ในแง่หนึ่งหนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึง PREDESTINATION (2014, The Spierig Brothers, A+30) ในแง่ที่ว่า นางเอกของหนังสองเรื่องนี้กลายเป็นคนที่ “เย็นชามากขึ้น” หลังจากโดนคนรักทิ้งไปเหมือนกัน คือเรารู้สึกว่านางเอกของ BELLEVILLE BABY คงจะเคยเป็นคนที่สดใสมาก่อนในวัยสาว เหมือนกับนางเอกของ PREDESTINATION ในวัยสาวน่ะ แต่พอคนรักหายสาบสูญไป นางเอกของ BELLEVILLE BABY ก็เลยค่อยๆกลายเป็นคนที่เย็นชามากขึ้น เหมือนกับนางเอกของ PREDESTINATION เช่นกัน

จุดที่ซึ้งที่สุดสำหรับเราใน BELLEVILLE BABY เลยกลายเป็นเรื่องของคุณย่าของผู้กำกับ เพราะคุณย่าคนนี้รักผู้ชายคนหนึ่งที่ตายไปแล้ว และเธอก็เก็บความรักนี้ไว้กับตัวเป็นเวลานานหลายสิบปี อาจจะถึง 50 ปี ถึงเธอจะแต่งงานกับชายอื่น และมีลูกกับชายอื่น เธอก็ยังคงรักผู้ชายที่ตายไปแล้วคนนี้อยู่เสมอ เพราะฉะนั้นเธอก็เลยรู้สึกว่า หนึ่งในสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเธอคือ “ความทรงจำ” เพราะผู้ชายที่ตายไปแล้วคนนี้อาศัยอยู่ในความทรงจำของเธอ เธอถึงกับพูดกับผู้กำกับหนังเรื่องนี้ว่า “ถ้าวันไหนฉันกลายเป็นโรคความจำเสื่อม ก็ช่วยฆ่าฉันให้ตายไปเลยจะดีกว่า”


สรุปว่า BELLEVILLE BABY เป็นหนังที่มี “สไตล์” เข้าทางเรามากๆ มันมีลักษณะของความเป็นหนังเชิงกวีอยู่ด้วย แต่มันไม่ได้สะเทือนเราแบบรุนแรงสุดๆจ้ะ

No comments: