BELLEVILLE BABY (2013, Mia Engberg, Sweden, documentary, A+15)
หนังเหมือนเป็นภาคต่อของหนังสองเรื่องที่เราชอบสุดๆ ซึ่งก็คือเรื่อง RIGHT NOW (2004, Benoît Jacquot) กับ FIRST LOVE (2006, Yukinari Hanawa) โดย RIGHT
NOW กับ FIRST LOVE มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงสาวในทศวรรษ
1960-1970 ที่หลงรักอาชญากรหนุ่มหล่ออย่างหัวปักหัวปำ
และเธอก็เลยเข้าไปพัวพันกับอาชญากรรมในยุคนั้นด้วย ก่อนที่จะถอนตัวในเวลาต่อมา
เพราะพวกเธอไม่ใช่อาชญากรโดยสันดาน พวกเธอทำไปก็เพียงเพราะความรักเท่านั้นเอง
RIGHT NOW สร้างจากเรื่องจริงด้วย และพอเราดูหนังอย่าง RIGHT
NOW กับ FIRST LOVE แล้ว เราก็จะสงสัยว่า
ชีวิตนางเอกของหนังสองเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรกันนะหลังจากพวกเธอแยกทางจากคนรัก,
กลับเข้ามาอยู่ในโลกของชนชั้นกลาง และใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆต่อไปอีกสัก 10-20 ปี และก็ดูเหมือนว่า
BELLEVILLE BABY จะตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเราตรงจุดนี้
เพราะ BELLEVILLE BABY เป็นสารคดีเกี่ยวกับหญิงคนหนึ่งที่รำลึกถึงอดีตของตนเองในวัยสาว
อดีตที่ได้เริงรักกับชายหนุ่มหัวขบถ/อาชญากรคนหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะหายไปจากชีวิตของเธอโดยไม่ทราบสาเหตุ
และกลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไป 10 ปี โดยเขาให้เหตุผลว่าเขาหายไปเพราะติดคุกในฝรั่งเศส
การที่เขากลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้งทำให้ทั้งเธอและเขาได้ย้อนรำลึกความหลังกัน
แต่เป็นความหลังที่ทั้งคู่จดจำได้ในแบบที่ไม่เหมือนกัน
จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้เป็น “สไตล์” หนังแนวที่เราชอบสุดๆเลยนะ
นั่นก็คือเป็นหนังกึ่งทดลอง/เชิงกวีน่ะ
เพราะในหนังเรื่องนี้เราจะได้ฟังเสียงของคนทั้งคู่คุยกัน
หรือเสียงของนางเอกรำลึกความหลังและเล่าเรื่องต่างๆ
แต่เราจะได้เห็นภาพสิ่งละอันพันละน้อยที่อาจจะไม่ได้ช่วยเล่าเรื่องแบบ 100% เต็ม คือเราว่าหนังเรื่องนี้มีองค์ประกอบที่ทำให้นึกถึงหนังของ
Marguerite Duras, Chantal Akerman, Alain Resnais และพวกหนังของแก๊ง
Anna Sanders อะไรทำนองนี้
อย่างไรก็ดี เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้ส่งพลังเชิงกวีต่อเราอย่างสุดๆนะ
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะตัวผู้กำกับ/นางเอก
ไม่ได้มี passion อะไรกับคนรักเก่ามากนักก็เป็นได้
คือเรารู้สึกว่าความรักที่นางเอกเคยมีกับคนรักเก่า มันเหมือนมอดดับไปแล้วน่ะ
มันเหมือนๆว่าจะจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันก็จุดไม่ติด มันชืดชาไปแล้ว
และพอตัวผู้หญิงมันไม่ได้ “คลั่งรัก” แบบในอดีตอีกแล้ว
พลังของหนังก็เลยอาจจะลดลงตามไปด้วย
ในแง่หนึ่งหนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึง PREDESTINATION (2014, The Spierig
Brothers, A+30) ในแง่ที่ว่า
นางเอกของหนังสองเรื่องนี้กลายเป็นคนที่ “เย็นชามากขึ้น”
หลังจากโดนคนรักทิ้งไปเหมือนกัน คือเรารู้สึกว่านางเอกของ BELLEVILLE BABY คงจะเคยเป็นคนที่สดใสมาก่อนในวัยสาว เหมือนกับนางเอกของ
PREDESTINATION ในวัยสาวน่ะ แต่พอคนรักหายสาบสูญไป นางเอกของ BELLEVILLE
BABY ก็เลยค่อยๆกลายเป็นคนที่เย็นชามากขึ้น เหมือนกับนางเอกของ PREDESTINATION เช่นกัน
จุดที่ซึ้งที่สุดสำหรับเราใน BELLEVILLE BABY เลยกลายเป็นเรื่องของคุณย่าของผู้กำกับ
เพราะคุณย่าคนนี้รักผู้ชายคนหนึ่งที่ตายไปแล้ว
และเธอก็เก็บความรักนี้ไว้กับตัวเป็นเวลานานหลายสิบปี อาจจะถึง 50 ปี ถึงเธอจะแต่งงานกับชายอื่น
และมีลูกกับชายอื่น เธอก็ยังคงรักผู้ชายที่ตายไปแล้วคนนี้อยู่เสมอ
เพราะฉะนั้นเธอก็เลยรู้สึกว่า หนึ่งในสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเธอคือ “ความทรงจำ”
เพราะผู้ชายที่ตายไปแล้วคนนี้อาศัยอยู่ในความทรงจำของเธอ
เธอถึงกับพูดกับผู้กำกับหนังเรื่องนี้ว่า “ถ้าวันไหนฉันกลายเป็นโรคความจำเสื่อม
ก็ช่วยฆ่าฉันให้ตายไปเลยจะดีกว่า”
สรุปว่า BELLEVILLE BABY เป็นหนังที่มี “สไตล์” เข้าทางเรามากๆ
มันมีลักษณะของความเป็นหนังเชิงกวีอยู่ด้วย แต่มันไม่ได้สะเทือนเราแบบรุนแรงสุดๆจ้ะ
No comments:
Post a Comment