WHEN WE TALK ABOUT LOVE (2015, Panupong Chaiyo, A+20)
เล่ารัก (2015, ภาณุพงษ์ ไชยโย)
ดูหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่
SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
ความรู้สึกที่มีต่อหนังเรื่องนี้
1.ดีงาม ชอบมาก เราว่าหนังแบบนี้ทำยากพอสมควรนะ
เพราะจุดเด่นสำคัญไม่ได้อยู่ที่การเล่าเรื่อง
แต่เป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนของตัวละครออกมา
ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากกว่าการเล่าเรื่องว่าใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไรอย่างไร
และเราว่าหนังเรื่องนี้ทำได้ดีพอสมควรในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนของตัวละครแม็กออกมา
2.ฉากที่เราชอบมากที่สุดในหนังคือฉากที่แม็กร้องไห้นี่แหละ
เราว่าจังหวะของฉากนั้นทำให้ทุกอย่างมันออกมาดีมาก
โดยก่อนหน้านั้นเราจะเห็นมือของแม็กจับสมุด เห็นหน้าของเขา ในห้องที่ยังมีแสงสว่างอยู่
แล้วก็เหมือนมีเสียงบรรยากาศของห้องที่ดังในระดับนึง แต่หลังจากนั้นหนังก็ตัดไปเป็นภาพแม็กจากระยะไกลหน่อย
เพื่อเน้นให้เห็นว่าเขานั่งอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง, เสียงในห้องเงียบลง
และแสงก็สลัวลงมาก และเราก็เห็นเขาค่อยๆร้องไห้ โดยที่เขาไม่ได้ทำหน้าตาเหยเกมากเกินไปแบบ
overacting ด้วย
เราว่าฉากนี้ดีมากทั้งในแง่การแสดงและองค์ประกอบอื่นๆน่ะ เราว่ามันดีที่ช็อตนี้กับช็อตก่อนหน้านี้มันมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของเสียงและแสง
เราว่าการที่เสียงในห้องมันเงียบลง และแสงในห้องมันสลัวลง มันมีส่วนช่วยขับเน้นอารมณ์ของคนดูได้ดีมากๆ
มันเหมือนทำให้เราได้เข้าไปสัมผัสกับความเหงา ความเศร้าของตัวละครได้มากขึ้น
ได้เข้าไปมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครได้มากขึ้น สรุปว่าช่วงซีนร้องไห้นี่ สุดยอดมากๆ ทั้งการแสดง,
การกำกับ, การถ่ายภาพ, เสียง, แสง
3.ชอบความสลัวทั้งในฉากร้องไห้และฉากที่ทุ่งหญ้า
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าบรรยากาศสลัวๆนี่เกิดจากการจัดแสง, การใช้ฟิลเตอร์
หรือการทำเอฟเฟคท์ภายหลัง แต่ความสลัวในบางฉากในหนังเรื่องนี้นี่มันสื่ออารมณ์ได้ดีมากๆ
4.เราว่าตอนจบมันก็ดีในแง่นึง ที่ตัดจบไปก่อนเลย
ก่อนที่แม็กจะสารภาพรักออกไปหรืออะไรทำนองนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่คนดูหลายคนก็น่าจะเดาได้อยู่แล้วตั้งแต่นาทีที่
4-5 (ฉากหนังสือโป๊เป็นฉากที่ทำให้เราเริ่มลุ้นว่าแม็กจะเป็นเกย์หรือเปล่า 555) เพราะฉะนั้นการตัดจบในตอนนั้นและการขึ้นชื่อหนังกับเพลง
ending theme ในตอนจบจึงเป็นอะไรที่เราคิดว่าใช้ได้ในระดับนึง
5.การเล่าเรื่องเป็นห้วงๆ ไม่เล่าทั้งหมด และการเล่าเรื่องแบบตัดสลับกันไปมา
มันก็ใช้ได้ดีเหมือนกันนะ มันช่วยกระตุ้นความสนใจดี
และเราต้องตั้งใจดูเพื่อพยายามปะติดปะต่อเรื่องในระดับนึง
เราว่าคนทำหนังเรื่องนี้เลือก “ห้วง” ต่างๆมาเก่งมากด้วยนะ อย่างเช่น
ห้วงตอนเจอกันครั้งแรกเวลามาสาย
กับห้วงตอนที่ผู้หญิงอ่านเรื่องความรักหน้าชั้นเรียน
แต่เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ในแง่ของการเป็นหนังรักนั้น
การเล่าเรื่องแบบตัดสลับกันไปมาแบบนี้จะเป็นวิธีการที่ work ที่สุดหรือเปล่า
คือเราว่าหนังเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดีน่ะแหละ มีวิธีการตัดสลับเรื่อง,
การปิดข้อมูล, การเปิดข้อมูลในภายหลัง, การตัดฉากคุยกันบนเตียงนอนออกเป็นหลายๆส่วน,
การตัดสลับระหว่างโลกความจริงกับโลกจินตนาการ และเรียงร้อยทุกอย่างออกมาได้ดี
แต่เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ถ้าหากหนังเล่าเรื่องเป็นเส้นตรงมากกว่านี้
โดยเน้นไปที่อารมณ์ความรู้สึกภายในของแม็กไปเลย
เราอาจจะซึ้งสุดๆกับหนังมากกว่านี้หรือเปล่า
แต่นี่เราพูดในแง่ที่เราเป็นคนดูที่เป็นเกย์นะ คือเรามองว่าสำหรับเราแล้ว
เราอาจจะซึ้งกับหนังมากกว่านี้
ถ้าหากหนังประกาศตั้งแต่เปิดเรื่องไปเลยว่าแม็กเป็นเกย์
หรือสับสนว่าตัวเองเป็นเกย์หรือไบหรือเปล่า และหนังก็เน้นถ่ายทอดความอัดอั้นตันใจ,
ความทรมานใจของแม็กที่แอบหลงรักเพื่อนชายตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง และจบด้วยฉากร้องไห้กับสมุด
แต่ถ้าใช้วิธีการแบบนี้ หนังก็จะเปลี่ยนไปเยอะมากเลย และมันก็อาจจะกันคนดูที่เป็น straight ออกไปตั้งแต่ต้นเรื่องหรือเปล่า
เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
สรุปว่า เราชอบวิธีการตัดสลับ,
วิธีการเล่าเรื่องแบบไม่ธรรมดาของหนังเรื่องนี้มากในระดับนึงนะ
เราว่ามันใช้ได้ดีพอสมควร แต่วิธีการแบบนี้ มันก็ทำให้เราไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมอย่างเต็มที่ไปกับตัวละครได้แบบ
100% เหมือนกัน มันเหมือนได้อย่างเสียอย่างน่ะ คือเราชอบหนังเรื่องนี้มาก แต่เราก็ไม่ได้ซึ้งสุดๆไปกับมัน
เราก็เลยไม่แน่ใจว่า “วิธีการเล่าเรื่องที่ไม่ธรรมดา” มันเป็นสาเหตุส่วนนึงหรือเปล่า
6.ฉากทุ่งหญ้า ที่เรามองว่ามันเหมือนเป็นโลกจินตนาการในหนังเรื่องนี้
เป็นฉากที่เรารู้สึกก้ำกึ่งเล็กน้อยนะ คือในแง่นึงเราอาจมองได้ว่า ฉากนี้ cliche มาก
เพราะหนังนักศึกษาในช่วงสิบปีที่ผ่านมา มันต้องมีฉากนางเอกอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าแบบนี้ทั้งนั้นเลย
555 แต่เราก็ไม่ได้มองว่าความ cliche นี้เป็นข้อเสียของหนังเรื่องนี้นะ
เพราะถ้าหากหนังมันต้องการสะท้อนโลกจินตนาการของตัวละคร แล้วตัวละครเป็นเด็กวัยรุ่นไทยที่เติบโตมากับภาพคลิเช่ๆแบบนี้
(เราไม่แน่ใจว่าฉากทุ่งหญ้าแบบนี้มันชอบปรากฏอยู่ในมิวสิควิดีโอเพลงไทยหรือเปล่า)
เพราะฉะนั้นโลกจินตนาการของตัวละครก็คงจะต้องออกมาเป็นภาพคลิเช่ไปด้วย
คือถ้าตัวละครเป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดาที่เติบโตมากับการเสพสื่อธรรมดา
โลกจินตนาการของตัวละครมันก็จะต้องเป็นฉากทุ่งหญ้าธรรมดาแบบนี้น่ะแหละ
โลกจินตนาการของตัวละครมันคงไม่ออกมาเป็นฉากแบบหนัง Sergei Paradjanov หรืออะไรทำนองนี้หรอก 555
เพราะฉะนั้นถึงแม้ฉากทุ่งหญ้าอาจจะดู cliche ในแง่นึง แต่เราก็มองว่ามันมีเหตุผลของมันที่ต้องออกมาเป็นแบบนี้
เราก็เลยไม่ได้มองว่ามันเป็นข้อเสีย
และในแง่นึงฉากนี้มันก็แตกต่างจากฉากทุ่งหญ้าในหนังนักศึกษาอีกหลายเรื่องด้วย
คือในหนังนักศึกษาส่วนใหญ่ที่มีฉากแบบนี้ นางเอกต้องไว้ผมยาวแล้วใส่ชุดสีขาวฟูฟ่องหรือไม่ก็ชุดเซ็กซี่น่ะ
คือเราว่าผู้กำกับส่วนใหญ่ที่ทำฉากแบบนี้เป็นผู้ชาย straight และต้องการนำเสนอภาพความบริสุทธิ์สดใสหรือความเซ็กซี่ของหญิงสาวในจินตนาการของเขา
แต่ในเรื่องนี้หญิงสาวในทุ่งหญ้าไม่ได้ออกมาในภาพลักษณ์แบบนั้น
เพราะฉะนั้นฉากทุ่งหญ้าในเรื่องนี้จึงเหมือนเป็นการพัฒนาหรือปรับเปลี่ยนมาจากโลกจินตนาการของผู้ชาย
straight อีกทีนึง 555
สรุปว่าดีมาก ชอบมากจ้ะ ฉากร้องไห้นี่สุดยอดมากๆ ชอบความละเอียดอ่อนในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครมากๆ
No comments:
Post a Comment