Tuesday, January 19, 2016

Film Wish List: MALGRÉ LA NUIT (2015, Philippe Grandrieux, 150min)

Film Wish List: MALGRÉ LA NUIT (2015, Philippe Grandrieux, 150min)


ว้าย ตายแล้ว เพิ่งรู้ว่า Philippe Grandrieux มีหนังใหม่ออกฉายในปีที่แล้ว ใครไปเทศกาลภาพยนตร์รอตเตอร์ดัมปีนี้ก็ฝากดูหนังเรื่องนี้ด้วยนะ จะว่าไปแล้วเราก็ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องหลังๆของ Philippe Grandrieux เลย เพราะไม่มีคนเอาเข้ามาฉายในไทย ทั้งหนังเรื่อง IT MAY BE THAT BEAUTY HAS STRENGHTENED OUR RESOLVE: MASAO ADACHI (2011, 73min) และ WHITE EPILEPSY (2012, 68min)

ส่วนเรื่องย่อของ MALGRÉ LA NUIT เป็นอย่างไร เราไม่สนใจ เพราะเรารู้สึกว่า เนื้อเรื่องในหนังของ Grandrieux แทบไม่มีความสำคัญอะไรต่อความดีงามของหนัง

จะว่าไปแล้ว Philippe Grandrieux ถือว่าเป็น ผู้ให้กำเนิดคนหนึ่งของเรา เพราะเราเริ่มจดบันทึกความรู้สึกของตนเองที่มีต่อภาพยนตร์ให้สาธารณชนได้อ่านเป็นครั้งแรกจากการดูหนังเรื่อง SOMBRE (1998, Philippe Grandrieux) เขาก็เลยเหมือนเป็นผู้ให้กำเนิดเราในฐานะ คนที่เขียนถึงหนังหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง CLASS ENEMY (1983, Peter Stein, West Germany) เคยให้กำเนิดเราในฐานะ คนที่ชอบดูหนังในปี 1995

ตอนนั้นเป็นปี 2000 เราได้ดูหนังเรื่อง SOMBRE ที่โรงภาพยนตร์ในห้างเซ็นทรัลพระราม 3 และเราก็ชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆ ทั้งๆที่ไม่เคยได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้มาก่อน แต่เราพบว่า คนดูราว 90% เดินออกจากโรงหนังกลางคันเพราะรับหนังเรื่องนี้ไม่ได้ คือตอนเริ่มฉายอาจจะมีคนดูประมาณ 100 คน แต่พอหนังฉายไปเรื่อยๆ เราก็พบว่าคนดูวิ่งหนีออกจากโรงกันอย่างไม่หยุดหย่อน และกว่าหนังจะจบก็เหลือคนดูในโรงแค่ประมาณ 10% เท่านั้น

พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ มันก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากเขียนถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเรากลัวว่าถ้าหากเราไม่ออกมาประกาศตัวว่า อย่างน้อยก็มีเราคนนึงในโลกที่ชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆมันก็จะไม่มีการสร้างหนังแบบที่เราชอบออกมาให้เราได้ดูอีก เราก็เลยตัดสินใจเขียนถึงหนังเรื่องนี้ลงใน imdb.com และหลังจากนั้นเราก็เลยเริ่มจดบันทึกถึงความรู้สึกของตนเองที่มีต่อหนังเรื่อยๆมา
http://www.imdb.com/title/tt0166808/reviews?start=4
http://www.imdb.com/user/ur0426898/

ถ้าหากอ่านงานเขียนชิ้นแรกของเราที่เราเขียนถึง SOMBRE ก็จะเข้าใจว่าทำไมเราถึงไม่ได้มองว่าจริงๆแล้วตนเองเป็film critic นะ แต่เรามองว่าตัวเองเป็น film cheerleader มากกว่า เพราะเราเขียนถึงหนังด้วยจุดประสงค์หลักคือต้องการให้มีคนสร้างหนังแบบที่เราชอบออกมาเรื่อยๆน่ะ เนื่องจากหนังแบบที่เราชอบอาจจะไม่ใช่หนังที่คนอื่นๆชอบกัน และอาจจะไม่ใช่หนังที่นักวิจารณ์ชื่นชอบด้วยซ้ำไป เราก็เลยไม่ได้ต้องการจะวิเคราะห์หรือประเมินความดีงามอะไรของหนังเรื่องต่างๆเป็นหลัก เราแค่ต้องการจะบอกให้รู้ว่า อย่างน้อยก็มีเราคนนึงในโลกที่ชอบหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างสุดๆเท่านั้นเอง

สรุปว่าถ้าหากเราไม่ได้ดู SOMBRE ในปี 2000 ก็ไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้เราจะเป็นอย่างไร เราอาจจะไม่ได้เขียนถึงหนังมากมายแบบนี้ก็ได้

No comments: