Saturday, January 09, 2016

SIDE OUT (1990, Peter Israelson, A+)

SIDE OUT (1990, Peter Israelson, A+)

1.มันไม่ใช่หนังดีนะ เป็นหนังกีฬาโง่ๆที่ไม่มีห่าอะไรเลยเรื่องนึง แต่เราก็มีความสุขกับการดูมัน เพราะมันเป็นหนังเรื่องเดียวที่เราเคยดูที่เกี่ยวกับ “วอลเลย์บอลชายหาด” ซึ่งเป็นกีฬาที่เราสนใจมาก เพราะผู้ชายที่เล่นกีฬานี้ใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียวเท่านั้น ไม่ใส่เสื้อ โชว์กล้ามล่ำบึ้กอย่างเต็มที่ และเราเข้าใจว่าหนังเรื่องนี้เอานักกีฬาตัวจริงมาเล่นเป็นส่วนใหญ่ คงมีเพียงแค่ตัวละครหลักๆไม่กี่คนเท่านั้นมั้งที่ใช้นักแสดงมืออาชีพ

การได้ดูมัดกล้ามของนักกีฬาหนุ่มๆในหนังเรื่องนี้ก็เลยเป็นการตอบสนองความเงี่ยนของเราได้เป็นอย่างดี 555 เหมือนกับการดูหนังเกี่ยวกับ “นักกีฬาว่ายน้ำชาย” และหนังอย่าง รัก 7 ปี ดี 7 หน (SEVEN SOMETHING) (2012, Jira Maligool) ที่ขายนิชคุณในชุดนักวิ่ง ฮิฮิฮิ

2.ทำไมดูแล้วรู้สึก nostalgia ถึงความ innocence บางอย่างในหนังฮอลลีวู้ดทศวรรษ 1980 แล้วเราก็ไม่แน่ใจด้วยว่า มันเป็นเพราะหนังฮอลลีวู้ดทศวรรษ 1980 มันมีความ innocence บางอย่างจริงๆ หรือเป็นเพราะว่าตัวเราในทศวรรษ 1980 ต่างหากที่ยัง innocent หรือ naive อยู่   คือตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้ เราหวนรำลึกถึงความรู้สึก innocent อะไรบางอย่างตอนที่เราอายุ 15-18 ปี หรือการมองโลกแบบ optimistic ที่เราเคยมีในช่วงอายุนั้น แล้วเราก็ไม่แน่ใจว่า มันเป็นเพราะตัวหนังเรื่องนี้มีความ innocent อยู่ในตัวมันเองเหมือนหนังทศวรรษ 1980 เรื่องอื่นๆ หรือจริงๆแล้วหนังทศวรรษ 1980 ไม่ได้มีความ innocent แต่อย่างใด แต่มันเป็นเพียงแค่ว่าหนังทศวรรษ 1980 ทำให้เรานึกถึงตัวเองในทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นช่วงที่เรายังคงมองโลกในแง่ดีอยู่

3.ดีใจมากๆที่ได้ยินเพลง GOOD LIFE ของ Inner City, เพลง STRAIGHT UP ของ Paula Abdul และเพลงของ Kenny Loggins ในหนังเรื่องนี้ มันเป็นหมุดหมายของยุคสมัยจริงๆ


4.สงสารดาราทศวรรษ 1980 หลายคนที่เหมือนดังมากๆในยุคนั้น แต่ต่อมาก็ดับวูบไปเลย ซึ่ง C. Thomas Howell พระเอกของหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในดาราคนนั้น เอาจริงๆเราก็จำหน้าเขาไม่ค่อยได้นะ เรารู้สึกว่าหน้าตาเขาไม่มีอะไรโดดเด่นน่ะ แต่เราจำได้ว่าเขาดังมากๆตอนทศวรรษ 1980 จากหนังอย่าง E.T. THE EXTRA TERRESTRIAL (1982, Steven Spielberg), THE OUTSIDERS (1983, Francis Ford Coppola), RED DAWN (1984, John Milius), THE HITCHER (1986, Robert Harmon) น่าสงสารที่เขาไม่สามารถกลับมาดังได้อีก

No comments: