Sunday, January 10, 2016

THE CONTRAST (2015, Siroros Damjun, A+)

THE CONTRAST (2015, Siroros Damjun, A+)

ดูหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่

1.ชอบมากที่หนังไม่มีเสียง voiceover หรือมีการบอกคนดูตรงๆว่าคนทำมีจุดประสงค์อะไรยังไง หนังมันก็เลยเปิดโอกาสให้คนดูหยิบเอาสิ่งที่อยู่ในหนังมาใช้รองรับอารมณ์ความรู้สึกที่ต่างๆกันไปของคนดูแต่ละคนได้ตามต้องการ

2.หนังเหมือนแบ่งออกได้เป็นสองส่วนใหญ่ๆ ซึ่งก็คือส่วนที่ถ่ายห้องที่สงบเงียบในอพาร์ทเมนท์หรือคอนโดแห่งหนึ่ง และส่วนที่ถ่ายฝูงชนที่เล่นน้ำที่ชายหาด โดยโฟกัสไปที่เด็กหญิงเล็กๆสองคนที่พอใจกับการได้เอาเท้าแตะน้ำทะเลหรืออะไรทำนองนี้

คือเราว่าถ้าหากหนังมีการ “ใส่อารมณ์” ของคนทำเข้าไปตรงๆ หรือมี voiceover ขึ้นมาประเภทที่ว่า “อยากกลับไปทะเลจังเลย” หรืออะไรทำนองนี้  เราจะชอบหนังน้อยลงมากๆในทันที เพราะฉะนั้นการที่หนังออกมาเป็นแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ มันเข้าทางเรามากๆ

คือการที่หนังไม่ได้บอกจุดประสงค์ของคนทำหรืออารมณ์ของคนทำออกมาตรงๆ มันทำให้เรารู้สึกว่า เราเองก็ไม่จำเป็นต้องหาจุดประสงค์ของคนทำ หรือพยายามตีความหนังก็ได้น่ะ แต่เราสามารถจะเอาสิ่งที่เราได้เห็นหรือได้ยินจากหนังเรื่องนี้ ไปใช้จินตนาการต่ออะไรยังไงก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ และเราชอบหนังที่ “เปิดโอกาส” ให้ผู้ชมนำไปใช้ประโยชน์ได้เองตามใจชอบแบบนี้

3.เพราะฉะนั้นเราจะไม่เขียนว่า ผู้สร้างหนังต้องการสื่ออะไร เพราะเราไม่สนใจสิ่งนั้น เราสนใจแค่ว่า เรารู้สึกอะไรยังไงบ้างจากการดูหนังเรื่องนี้ และเราก็รู้สึกว่า เราดูหนังเรื่องนี้ในจังหวะที่นรกมากๆสำหรับตัวเอง 555 มันเป็นหนังที่จี้ใจดำเราอย่างรุนแรงในตอนนี้โดยที่หนังไม่ได้ตั้งใจ

คือตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้ เรานึกถึงตัวเราเองในแง่ที่ว่า เราเองก็อาศัยอยู่ในห้องเช่าที่อุดอู้คับแคบในอพาร์ทเมนท์ตลอดเวลาน่ะ และเราไม่ได้ไปทะเลมานาน 2-3 ปีแล้วมั้ง เราเองก็อยากเอาเท้าไปแตะน้ำทะเลแบบเด็กๆในเรื่องมากๆ คือเวลาเราไปทะเล เราไม่ได้อยากไปว่ายน้ำในทะเลนะ เราแค่อยากไปสัมผัสบรรยากาศของทะเล และแค่เอาเท้าไปแตะน้ำทะเลนิดนึงแบบพอเป็นพิธีแบบเด็กๆในเรื่องนี้แหละ

และเราก็ดูหนังเรื่องนี้ในจังหวะนรกมากๆ คือเมื่อวานนี้เพื่อนๆเราเพิ่งไปเที่ยวชายหาดเพชรบุรีกัน แต่เราไปไม่ได้ เพราะเรายังบาดเจ็บจากอาการกล้ามเนื้อน่องอักเสบอยู่ เราได้แต่หมกตัวอยู่ในห้องที่อพาร์ทเมนท์ตลอดทั้งวันเพื่อช่วยให้ขาหายเร็วขึ้น การได้ดูหนังเรื่องนี้ในวันนี้ เลยเหมือนเป็นการจี้ใจดำของตัวเองโดยบังเอิญ


เราว่านอกจากตัวเราเองแล้ว ชีวิตคนหลายๆคนในกรุงเทพก็อาจจะเป็นเหมือนในหนังเรื่องนี้นะ อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์หรือคอนโดที่คับแคบ และเฝ้ารอช่วงวันหยุดสักช่วงนึง เพื่อจะได้กลับไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด หรือไปเที่ยวทะเล มันเหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้สะท้อนความปรารถนาบางอย่างของคนบางกลุ่มในกรุงเทพได้ดีมากๆน่ะ ไม่ว่าผู้สร้างหนังเรื่องนี้จะเจตนาอย่างนั้นหรือไม่ก็ตาม

No comments: