BEAT KIDS (2004, Toshi Shioya, Japan, A+25)
1.ชอบ “ความไม่แน่ไม่นอนของชีวิต” ที่ใส่เข้าไปในพล็อตเรื่องแบบสูตรสำเร็จในหนังเรื่องนี้มากๆ
คือถ้าหากว่ากันตามจริงแล้ว พล็อตของหนังเรื่องนี้มีความเป็นสูตรสำเร็จมากๆ
และหลายๆฉากในหนังเรื่องนี้ เรียกได้ว่าเป็นฉาก cliche แบบที่เราเคยเห็นมาแล้วในหนังไม่ต่ำกว่า
100 เรื่อง แต่หนังก็สามารถลดทอนความรู้สึกเบื่อหน่ายที่เรามักจะมีต่อฉาก cliche
และลดทอนความรู้สึกแข็งเกร็งของตัวละครที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในหนังแบบสูตรสำเร็จลงได้
ด้วยการใส่ “ความไม่แน่นอนของชีวิต” เข้าไปในเนื้อเรื่อง
ทั้งในส่วนที่มีผลอย่างรุนแรงต่อเส้นเรื่องหลัก
และในส่วนที่ไม่มีผลกระทบต่อเส้นเรื่องหลัก
SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
2.จุดสำคัญที่สุดที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้
ก็คือการพลิกผันช่วงกลางเรื่องนี่แหละ คือช่วงครึ่งแรกของหนังเรื่องนี้
เรารู้สึกเหมือนกำลังดูหนังแบบ THE SPECTRUM (2006, Yanin Pongsuwan) + THE
CHEER AMBASSADOR (2011, Luke Cassady-Dorion) + DEAD POETS SOCIETY (1989, Peter
Weir) อยู่ คือมันเป็นเรื่องการฝึกซ้อมของวงโยธวาทิตเพื่อเข้าแข่งขัน
โดยสมาชิกวงได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครสำคัญตัวหนึ่ง
ที่ทำหน้าที่คล้ายๆครูคีทติ้งใน DEAD POETS SOCIETY เพียงแต่ว่า
“ผู้สร้างแรงบันดาลใจ” ในเรื่องนี้ไม่ได้เป็นครู
แต่เป็นนักเรียนหญิงที่มีพรสวรรค์สูง และเป็นนางเอกของเรื่อง
แต่ช่วงกลางเรื่องนี่ทำให้เรานึกถึง PSYCHO (Alfred Hitchcock) เลยนะ
เพราะอยู่ดีๆตัวละครนางเอกก็ถูกทำให้หมดบทบาทลงอย่างกะทันหันช่วงกลางเรื่อง โดยเป็นผลจากคุณครูตัวร้าย
และคุณครูตัวร้ายก็ยังคงมีบทบาทต่อไปจนจบเรื่อง ในขณะที่นางเอกแทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกต่อไปในช่วงครึ่งเรื่องหลัง
ไอ้การพลิกผันช่วงกลางเรื่องนี่แหละ ที่เราว่ามันทำให้หนังเรื่องนี้ดีขึ้นมามากๆ
มันเหมือนกับว่าหนังเป็น DEAD POETS SOCIETY ในช่วงครึ่งเรื่องแรก
แต่แทนที่หนังจะจบลงด้วยการจากไปของครูคีทติ้ง หนังกลับแสดงให้เห็นในช่วงครึ่งเรื่องหลังว่า
“ผู้ได้รับแรงบันดาลใจ” เขาดิ้นรนใช้ชีวิตอยู่กันต่อไปยังไง
3.อีกจุดที่ชอบมากคือ subplot เรื่องคุณแม่คลอดลูกแล้วลูกตายตอนเกิด
คือ subplot นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องหลักเลยนะ
แต่การใส่มันเข้ามา มันช่วยลดความแข็งเกร็งของ “การใช้ชีวิตในหนังแบบสูตรสำเร็จ” ลงได้มากๆเลยน่ะ
มันช่วยทำให้โลกในหนังเรื่องนี้ ใกล้เคียงโลกมนุษย์จริงๆมากยิ่งขึ้น
โลกที่เราคาดการณ์ชีวิตอะไรล่วงหน้าไม่ได้
และมักจะมีเรื่องเหี้ยๆห่าๆเกิดขึ้นมาในชีวิตโดยที่เราไม่คาดฝันอยู่เสมอ
4.รู้สึกว่าผู้กำกับหนังเมนสตรีมของไทยหลายๆคน ควรจะดูหนังเรื่องนี้เป็นเยี่ยงอย่างนะ
คือถ้าหากจะทำหนังเมนสตรีม, ใช้พล็อตสูตรสำเร็จ และมีแต่ฉาก cliche แล้ว
เราก็สามารถทำหนังให้มันออกมาดีได้เช่นกัน ถ้าหากเรารู้จักพลิกแพลง แต่งเติม
และดัดแปลงโลกในหนังให้มันใกล้เคียงกับชีวิตมนุษย์จริงๆได้อย่างนี้
No comments:
Post a Comment