THE NIGHTINGALE (2013, Philippe Muyl, China, A+10)
1.เป็นหนังสูตรสำเร็จ เดาง่าย
ที่ทำออกมาได้ดีมากภายใต้กรอบความเป็นสูตรสำเร็จของมันนะ
คือปกติแล้วเราจะอี๋หนังทำนองนี้ได้ง่ายมากเลยนะ
หนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคนรุ่นปู่ย่าตายาย กับหลาน
ซึ่งในตอนแรกนั้นหลานจะไม่ชอบปู่ย่าตายายเท่าไหร่ แต่หลังจากได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
หลานก็จะหันมาซาบซึ้งกับความรักของคนรุ่นปู่ย่าตายาย
และเห็นคุณค่าของคนรุ่นเก่าในที่สุด
คือกูดูหนังทำนองนี้มาแล้วประมาณ 100 เรื่องได้มั้ง
โดยเฉพาะหนังสั้นไทย ซึ่งหลายเรื่องเราจะเกลียดมาก
เพราะมันมีท่าทีสั่งสอนคนดูให้เคารพผู้ใหญ่อะไรทำนองนี้
ซึ่งกูต่อต้านอะไรแบบนี้อย่างรุนแรงที่สุด และนั่นก็เลยเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราชอบหนังอย่าง
THE VISIT (2015, M. Night
Shyamalan) อย่างรุนแรง เพราะมันเหมือนเป็นการเล่นกับ genre หนังทำนองนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ THE NIGHTINGALE นี่ถือว่าโอเคมากเลยนะ
คือถึงแม้มันจะเดินตามสูตร แต่เรากลับไม่รู้สึกอี๋มันเลย
2. อย่างไรก็ดี สิ่งที่เราชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้กลับเป็น “ต้นไม้”
เรารู้สึกว่าต้นไม้ใหญ่ๆบางต้นในหนังเรื่องนี้นี่มันน่าประทับใจมากๆ
ดีใจที่หนังเรื่องนี้บันทึกภาพต้นไม้ใหญ่ๆในชนบทจีนเหล่านี้เอาไว้ 555
ส่วนเนื้อหาเกี่ยวกับความรักความผูกพันระหว่างพ่อแม่ปู่ย่าตายายลูกหลานเหลนโหลนภายหน้าอะไรนี่
กูไม่อินจริงๆ
3.อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับเราก็คือว่า เทรนด์ “หนังเทศบาล” หรือ “หนังภูมิภาค”
กำลังจะมาแรงหรือเปล่า 555 เพราะหนังเรื่องนี้มันชัดเจนเลยว่า มันต้องการโชว์ภูมิทัศน์ของเขตกวางสี
แทนที่จะเป็น “จีนทั่วไป”
และมีการพูดภาษาจีนท้องถิ่นที่ตัวละครที่เป็นคนจีนเองก็ฟังกันไม่ออกด้วย
เรารู้สึกว่ามันเป็นเทรนด์ที่ดีมากๆเลยนะ
ที่มีหนังที่เจาะภูมิภาคเล็กๆทั่วโลกออกมา ทั้งหนังญี่ปุ่นหลายๆเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับโตเกียว
แต่เกี่ยวข้องกับเขตเทศบาลต่างๆในเมืองอื่นๆ, หนังไทยอย่าง “วานรคู่ฟัด”
ที่เน้นเจาะอัมพวา, หนังไทยกลุ่มของคุณศุกโมกข์ ศิลารักษ์ ที่เน้นเจาะชาวเขาเผ่าต่างๆ,
หนังไทยหลายๆเรื่องที่ประกาศตัวเป็น “หนังอีสาน”, หนังควีเบค
ที่แยกตัวชัดเจนออกมาจาก “หนังแคนาดา”
ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า ในอนาคตจะมีหนังจีนจากมณฑลอื่นๆออกมาอย่างเป็นล่ำเป็นสันเหมือนเขตกวางสีหรือไม่
และจะมีหนังเทศบาลหรือหนังภูมิภาคจากประเทศอื่นๆออกมาสู่สายตาคนไทยหรือเปล่า
คือเราว่าจริงๆแล้วคงมีการผลิตหนังเทศบาลหรือหนังภูมิภาคกันเป็นจำนวนมากทั่วโลกอยู่แล้วแหละ
อย่างเช่นในอินเดียก็มีการผลิตหนังนอกบอลลีวู้ดมากมาย
เพียงแต่ว่ามันอาจจะไม่ได้เข้ามาฉายในกรุงเทพเท่านั้นเอง
SAVING MR. WU (2015, Ding Sheng, China, A+30)
ดูแล้วนึกถึงข่าวลักพาตัวนักธุรกิจต่างชาติในเมืองไทยมากๆ
เหมือนเรามักจะได้ยินข่าวพบศพนักธุรกิจจีน, รัสเซีย, สเปน อะไรต่างๆที่ถูกลักพาตัวในไทย
และหนังที่สร้างจากเรื่องจริงเรื่องนี้ก็เหมือนทำให้เราได้รู้ว่า
ก่อนที่นักธุรกิจเหล่านี้จะกลายเป็นศพ พวกเขาต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
No comments:
Post a Comment