HANA'S
MISO SOUP (2015, Tomoaki Akune, Japan , A+5)
1.เราว่ามันเป็นหนังที่โอเค ใช้ได้ในแนวทางของมันนะ
แต่เราจูนกับหนังไม่ได้เลย เพราะมันไม่ใช่หนังในแนวทางของเราน่ะ
เรารู้สึกว่ามันเป็นหนังที่มีพลังในทางบวกสูงเกินไปสำหรับเรา
มันเป็นหนังที่ให้กำลังใจในการสู้ชีวิต
และให้กำลังใจในการมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นซึ่งมันตรงข้ามกับหนังในแนวทางที่เราชอบ
ที่มักจะเป็นหนังเกี่ยวกับคนที่ไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป อย่างเช่น LE
FEU FOLLET (Louis Malle) หรือหนังเกี่ยวกับคนที่พยายามจะมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้น อย่างเช่น THE REVENANT
2.
แต่ก็มี moment ที่เราชอบสุดๆในหนังเรื่องนี้นะ
นั่นก็คือ moment ที่นางเอกตื่นนอนขึ้นมาตอนบ่าย
แล้วเห็นสามีนอนอ่านหนังสือ
ส่วนลูกสาวก็ทำอาหารหรือง่วนอยู่กับการทำกิจกรรมอะไรบางอย่าง เราว่า moment
นี้มันงดงามสุดๆ
3.
เราว่าหนังเรื่องนี้มันจะเข้าทางเรา
ถ้าหากหนังทั้งเรื่องมันเลือกเล่าเหตุการณ์ชีวิตนางเอกเพียงแค่วันนั้นวันเดียว
แทนที่จะเล่าชีวิตยาวๆหลายปีแบบนี้น่ะ โดยอาจใช้โครงสร้างการเล่าเรื่องแบบ CLEO
FROM 5 TO 7 (1962, Agnes Varda) ผสมกับ THE FAREWELL --
BERTOLT BRECHT'S LAST SUMMER (2000, Jan Schutte) คือแค่แสดงให้เห็นกิจวัตรประจำวันในวันธรรมดาวันหนึ่งในชีวิตตอนนั้นของนางเอก
เห็นนางเอกเขียน blog , ไปหาหมอ, เจ็บปวดจากโรคมะเร็ง,
นอนหลับยามบ่าย, ตื่นขึ้นมามองดูสามีอ่านหนังสือ,
มองดูลูกทำการบ้าน, คุยโทรศัพท์กับเพื่อนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต,
มองดูแสงแดดยามเย็น พร้อมกับระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่า
อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราก็จะไม่มีชีวิตอยู่เพื่อทำกิจวัตรประจำวันแบบนี้
ไม่มีโอกาสได้มองลูก มองสามี และมองแสงแดดยามบ่ายกับยามเย็นแบบนี้อีกตลอดไป
สรุปว่าหนังเรื่องนี้ใช้ได้ แต่ไม่ใช่สไตล์เรา
แต่ถ้าหากหนังเล่าเรื่องเพียงแค่วันเดียวในชีวิตนางเอกตามที่เราจินตนาการมาข้างต้น
มันจะเป็นหนังสไตล์เราในทันที
BANGKOK 13 (2016, Dulyasit Niyomgul
, A-)
ดูแล้วเฉยๆค่ะ
No comments:
Post a Comment