ELEPHANT
(2014, Mona Kakanj, Germany, A+30)
1.ปัจจัยนึงที่ทำให้เราชอบ ELEPHANT อย่างสุด ๆก็คือปัจจัยเดียวกับที่ทำให้เราชอบ SEA OF ASH (2015,
Michael MacGarry, A+30) อย่างสุดๆนั่นแหละ นั่นก็คือว่า เราดู ELEPHANT
แล้วไม่เข้าใจอะไรมันเลย ไม่รู้ว่าหนังต้องการจะสื่ออะไร
ไม่รู้ว่าแต่ละฉากในหนังเรื่องนี้หมายความว่าอะไร
แต่เราดูแล้วมีความสุขกับหนังเรื่องนี้อย่างมากๆ ราวกับว่า “จิตใต้สำนึก”
ของเราเข้าใจมัน 555
เราเคยเขียนถึงประเด็นนี้ไว้แล้วตอนที่พูดถึง SEA OF ASH
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10209299814435735&set=a.10208791484007792.1073741940.1333811571&type=3&theater
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10209299814435735&set=a.10208791484007792.1073741940.1333811571&type=3&theater
2.ในขณะที่เรื่องย่อของหนังเรื่องนี้บอกว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับ
misconceptions + ตาบอดคลำช้าง + วลี There’s an
elephant in the room แต่ตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้
เรากลับไม่ได้นึกถึงประเด็นพวกนี้นะ
มันเหมือนกับว่าหนังมันเปิดกว้างให้เราเชื่อมโยงสิ่งที่เห็นเข้ากับประเด็นอื่นๆได้ด้วยน่ะ
ถ้าจำไม่ผิด ฉากแรกของหนังจะเป็นอะไรมืดๆ
แล้วก็มีเสียงประหลาดๆอะไรสักอย่าง แล้วฉากต่อมาก็เป็นผู้หญิงทำเด้งหน้าเด้งหลังอยู่บนเวทีมวย
แล้วฉากต่อมาก็เป็นผู้หญิงโล้ชิงช้าอยู่ระหว่างผนังสองอันที่แคบมากๆ
เพราะฉะนั้นการโล้ชิงช้าของเธอจึงกระแทกผนังสองด้านอย่างรุนแรงและเจ็บปวด
และฉากต่อมาก็เป็นตู้ปลาที่ไม่มีน้ำ และมีปลาตัวหนึ่งกระเสือกกระสนดิ้นทุรนทุรายอย่างรุนแรงเพื่อจะออกจากตู้ปลานี้ให้ได้
โดยผู้สร้างหนังบอกว่าจุดสำคัญของหนังคือแสงไฟที่กะพริบในแต่ละฉากด้วย
ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ เราก็ตีความแต่ละฉากไม่ออกเลย
แต่ก็รู้สึกว่าแต่ละฉากมันทรงพลังมากๆ ถ่ายทำ+ออกแบบมาดีมากๆ
ถ้าจะถามว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงอะไรโดยที่หนังไม่ได้ตั้งใจ
เราก็คิดว่า เราเชื่อมโยงมันเข้ากับความทุกข์ทรมานของชีวิตมนุษย์น่ะ
ชีวิตที่อยู่ภายใต้ขีดจำกัด กรอบอะไรบางอย่างที่บีบรัดเรามากๆ
และเราก็ออกจากกรอบนั้นไม่ได้ ถูกกดขี่เอาไว้ และกระเสือกกระสนรอวันตายไปเรื่อยๆ
ซึ่งผู้กำกับคงไม่ได้ตั้งใจสื่อถึงสิ่งนี้
แต่ความรู้สึกแบบนี้คือปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆ
3.พอมาคิดๆดูแล้ว เราก็พบว่า
เราชอบหนังหลายเรื่องที่ออกมาในทำนองนี้นะ หนังเกี่ยวกับ “ผู้หญิงทำกิจกรรมอะไรอย่างนึง”
ซึ่งดูแล้วไม่รู้ว่าทำไปทำไม, สิ่งที่ทำดูเหมือนจะไม่เกิดประโยชน์
ไม่นำไปสู่ผลสำเร็จที่เข้าใจได้
สิ่งที่เธอทำอาจจะดูเหมือนเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง
อาจจะเป็นสัญลักษณ์สะท้อนแง่มุมบางอย่างเกี่ยวกับโลก, สังคม,
ชีวิตมนุษย์ แต่หนังก็ไม่บอกตรงๆว่ามันเป็นสัญลักษณ์แทนอะไร
หนังในกลุ่มนี้ นอกจาก ELEPHANT
แล้ว ก็รวมถึง
3.1 CD (1997, Campanilla, Spain)
หนึ่งในหนังสั้นที่ชอบที่สุดในชีวิต หนังมีความยาวเพียงแค่ 1 นาที และจับภาพกิจกรรม 4 อย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งทำ กิจกรรมละ 15 วินาที อย่างเช่นจุดไม้ขีดไฟ, ยืนโพสท่าบนม้านั่งที่แล่นถลาไปมาในออฟฟิศ
หนึ่งในหนังสั้นที่ชอบที่สุดในชีวิต หนังมีความยาวเพียงแค่ 1 นาที และจับภาพกิจกรรม 4 อย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งทำ กิจกรรมละ 15 วินาที อย่างเช่นจุดไม้ขีดไฟ, ยืนโพสท่าบนม้านั่งที่แล่นถลาไปมาในออฟฟิศ
คือดูแล้วไม่รู้จริงๆว่าหนังเรื่องนี้คืออะไร
และผู้หญิงคนนี้ทำกิจกรรม 4
อย่างนี้ไปทำไม แต่การตัดกิจกรรม 4 อย่างนี้มาต่อกันโดยเหมือนเพิ่มระดับความเฮี้ยนขึ้นเรื่อยๆ
มันทำให้เรารู้สึกมีความสุขสุดๆกับการดูอะไรแบบนี้
3.2
DESIRE (2006, Chanognun Tiraganchana)
อันนี้อาจจะตีความง่าย ถ้าเราจำไม่ผิด วิดีโอนี้เป็นผู้หญิงคนหนึ่งมาออกเสียงยี่ห้อสินค้าต่างๆด้วยลีลาการพูดประหลาดๆ
อันนี้อาจจะตีความง่าย ถ้าเราจำไม่ผิด วิดีโอนี้เป็นผู้หญิงคนหนึ่งมาออกเสียงยี่ห้อสินค้าต่างๆด้วยลีลาการพูดประหลาดๆ
3.3
PHYSICAL REQUIREMENTS FOR BEING AN ARTIST – ENJOY YOURSELF IN EVERY CONDITION,
PART 2 (2000, Chang Jia, South Korea)
ถ้าจำไม่ผิด อันนี้เป็นหนังสั้นที่ผู้หญิงคนหนึ่งให้คนปาไข่หลายฟองเข้าใส่ตัวเธอจนไข่แตกเลอะเทอะเปรอะเปื้อนผมเผ้าหัวหูตัวเธอไปหมด แต่เธอก็พยายามยิ้มร่าท่ามกลางสถานการณ์รุนแรงนี้
ถ้าจำไม่ผิด อันนี้เป็นหนังสั้นที่ผู้หญิงคนหนึ่งให้คนปาไข่หลายฟองเข้าใส่ตัวเธอจนไข่แตกเลอะเทอะเปรอะเปื้อนผมเผ้าหัวหูตัวเธอไปหมด แต่เธอก็พยายามยิ้มร่าท่ามกลางสถานการณ์รุนแรงนี้
3.4
READING INAOW FOR FEMALE CORPSE (2001, Araya Rasdjarmrearnsook)
อารยาอ่านอิเหนาให้ศพผู้หญิงคนหนึ่งฟัง เธอทำสิ่งนี้ไปทำไม
อารยาอ่านอิเหนาให้ศพผู้หญิงคนหนึ่งฟัง เธอทำสิ่งนี้ไปทำไม
3.5
SISYPHUS (2002, Nezaket Ekici)
3.6 3-0 (2006, Anocha Suwichakornpong)
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสามคนกับการเดิน ที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นการเดินไป
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสามคนกับการเดิน ที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นการเดินไป
ไหนได้จริงหรือเปล่า หนังตีความได้ง่าย
เพราะผู้กำกับช่วยอธิบายแล้วว่ามันเกี่ยวข้องกับ 6 ต.ค. 1976, พฤษภาทมิฬ 1992
และรัฐประหาร 2006
3.7 TIME AND CONTINUATION (2004, Sudsiri Pui-ock)
ถ้าจำไม่ผิด วิดีโอนี้เป็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งถักทออะไรสักอย่างไปเรื่อยๆโดยไม่มีวันสิ้นสุด
ถ้าจำไม่ผิด วิดีโอนี้เป็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งถักทออะไรสักอย่างไปเรื่อยๆโดยไม่มีวันสิ้นสุด
No comments:
Post a Comment